ถ้าคุณมีเงินมากพอ คุณอยากจะสร้างบ้านแบบไหน ? และนอกจากตัวคุณเองแล้ว คุณจะสร้างให้ใครอยู่อีก ?
มิติที่ 6 สัปดาห์นี้ เราจะพาคุณไปยังรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อไปพบกับเรื่องราวของบ้านหลังใหญ่ระดับคฤหาสน์ แต่สิ่งที่ทำให้เราต้องพูดถึงนั้น กลับเป็นวัตถุประสงค์ในการสร้างบ้านหลังนี้ !!!
กดเพื่อดูคลิปที่นี่ |
The Winchester Mystery House หรือ คฤหาสน์อาถรรพ์วินเชสเตอร์ อยู่ในเมืองแซนโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย ครั้งหนึ่งเคยเป็นของนางซาร่า วินเชสเตอร์ ภรรยาม่ายของพ่อค้าปืนชื่อวิลเลี่ยม เวิร์ท วินเชสเตอร์ โดยตั้งอยู่บ้านเลขที่ 525 เซาธ์วินเชสเตอร์บูเลอวาด เมืองแซนโฮเซ ก่อสร้างตามแบบสไตล์วิคตอเรียมีขนาดกว้างใหญ่
วิลเลี่ยม เวิร์ท และซาร่า วินเชสเตอร์ เจ้าของคฤหาสน์
ด้วยสถาปัตยกรรมอันน่าพิศวง จึงทำให้ถูกยกย่องให้มรดกทางประวัติศาสตร์ของแคลิฟอร์เนีย โดยปัจจุบันมีบริษัทเอกชนเป็นผู้ดูแลเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้ามาเยี่ยมชม
แต่หลังจากที่เปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้ามาเที่ยว มันกลับมีข่าวลือพูดกันไปเป็นวงกว้างจากปากคำของผู้ดูแลบ้านคนปัจจุบัน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำเที่ยวในบ้านเล่าว่า ในหลาย ๆ ครั้งที่เธอต้องเดินผ่านประตูไปตามห้องต่าง ๆ เธอจะต้องได้ยินเสียงใครบางคนเดินอยู่ที่ชั้นบนเสมอ ทั้ง ๆ ที่ภายในบ้านตอนช่วงเวลานั้น จะมีเพียงเธอคนเดียว แล้วตั้งคำถามว่าเสียงที่ได้ยินนั้นมันมาจากใครกันแน่ ?
ผู้นำเที่ยวอีกคนก็เล่าว่า ในขณะที่กำลังพานักท่องเที่ยวเดินไปเรื่อย ๆ นั้น เขาเห็นหญิงชราร่างเล็กในชุดแบบวิคตอเรีย ซึ่งเขาเองก็คิดว่าในวันดังกล่าวอาจมีไกด์คนอื่นแต่งกายแกล้งกัน พอไปพูดเรื่องนี้ตอนที่ทุกคนพร้อมหน้า กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครทำอะไรแบบนั้น ไม่มีใครเคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ แล้วสิ่งที่เขาเห็นตอนนั้นมันคืออะไร !?
นักท่องเที่ยวบางคนที่นำกล้องเข้ามาถ่ายภาพภายในบ้าน ก็พบกับความผิดปกติอยู่ภายในภาพ บางภาพจะเห็นได้ว่ามีดวงไฟวงกลมสีขาวราวกับเป็นดวงไฟของวิญญาณ และที่ยิ่งไปกว่านั้นมีผู้ถ่ายภาพติดเงาร่างของใครบางคน ที่ดูเหมือนกับเป็นผู้หญิงตัวเล็กอยู่ในชุดสมัยวิคตอเรีย กำลังเดินผ่านประตูตามที่เห็นในภาพ ก็มีผู้วิเคราะห์กันว่าบางทีนั่นอาจเป็นวิญญาณของซาร่า วินเชสเตอร์ อดีตคุณนายเจ้าของบ้านก็เป็นได้
ภาพถ่ายติดกลุ่มควันปริศนา |
โดยคฤหาสน์หลังนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1884 จากการออกแบบด้วยตัวของนางซาร่า วินเชสเตอร์ ว่ากันว่าเธอออกแบบไว้เพื่อหลอกล่อเหล่าวิญญาณที่ถูกปืนจากบริษัทของสามีฆ่าตาย ให้พวกมันเกิดความสับสน และว่ากันว่านางวินเชสเตอร์ออกแบบบ้านหลังนี้วันต่อวันจากชั้นล่างสู่ชั้นบน ทั้งคืนทั้งวันโดยไม่มีการหยุดพัก
จนกระทั่งวันสุดท้ายก็คือวันตายของเธอ ในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1922 การก่อสร้างก็หยุดลงทันที โดยเรื่องนี้ถูกยืนยันโดยผู้บันทึกประวัติชีวิตของเธอว่า มีคนงานผลัดกันลาออกไปทุกเดือนเพื่อจะได้หยุดพัก และบันทึกไว้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดมาเป็นเวลา 38 ปี
โดยประวัติของตัวคฤหาสน์หลังนี้ มันเริ่มต้นขึ้นหลังจากสามีของเธอเสียชีวิตไปด้วยวัณโรคในปี ค.ศ. 1881 ซาร่า วินเชสเตอร์จึงต้องรับช่วงมรดกของเขามากกว่า 20.5 ล้านเหรียญ รวมไปถึงการเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของกิจการวินเชสเตอร์รีพีทติ้งอาร์ม ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธจำพวกปืน แต่ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ ตอนนั้นเธอก็มีรายรับกว่า 1 พันเหรียญต่อวัน ที่เมื่อเทียบกับค่าเงินปัจจุบันนี้ มันก็น่าจะเท่ากับวันละสองหมื่นสามพันเหรียญเลยทีเดียว ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ถือเป็นเงินที่มากมายพอที่จะนำมาใช้จ่ายในงานก่อสร้างบ้านไม่มีวันเสร็จของเธอ
หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ในยุคนั้นยืนยันข้อมูลว่า มีช่วงหนึ่งหลังจากที่ลูกสาวและสามีของเธอตายจากไปแล้ว ก็มีคนทรงจากบอสตันคนหนึ่งแนะนำให้เธอย้ายออกจากบ้านที่นิวเฮเวน แล้วให้ออกเดินทางไปทิศตะวันตก และที่นั่นนอกจากเธอจะต้องสร้างบ้านใหม่ให้ตัวเองแล้ว เธอจะต้องออกแบบเผื่อไว้สำหรับรับมือวิญญาณของผู้คนอื่น ๆ ที่ตกเป็นเหยื่อปืนไรเฟิลจากบริษัทอดีตสามีของเธอด้วย
นั่นจึงทำให้นางวินเชสเตอร์ตัดสินใจเดินทางออกจากนิวเฮเวนไปยังแคลิฟอร์เนีย โดยคิดว่ามันน่าจะพอมีหนทางในการหาที่ทางสร้างบ้านใหม่ อีกทั้งจะได้มีอะไรทำในช่วงที่ชีวิตกำลังหดหู่อยู่แบบนี้ มีหลายแหล่งข่าวระบุว่า นางวินเชสเตอร์เริ่มเชื่อว่าครอบครัวของเธอรวมถึงดวงชะตาของตัวเอง กำลังถูกครอบงำโดยผีสางอะไรสักอย่าง และการย้ายออกมาทางตะวันตกเพื่อสร้างบ้านไปเรื่อย ๆ มันก็น่าจะทำให้เธอสามารถเยียวยาจิตใจตัวเองให้ดีขึ้น
ในปี ค.ศ. 1884 นางวินเชสเตอร์ได้ซื้อไร่ที่ยังสร้างไม่เสร็จแห่งหนึ่ง มันอยู่แถวหุบเขาซานตาคลารา พอได้ที่ดินแห่งนี้มา เธอก็เริ่มสร้างที่อยู่ของเธอทันที ช่างก่อสร้างจำนวนมากถูกจ้างมาทำงานทั้งวันทั้งคืน มันเป็นบ้านระดับคฤหาสถ์ขนาด 7 ชั้น โดยผู้ออกแบบนั้นก็คือตัวของเธอและไม่ได้จ้างสถาปนิกที่ไหนมาช่วยเลย นั่นหมายความว่าในขั้นตอนการออกแบบบ้านหลังนี้ เธออยากได้อะไรตรงไหนก็สั่งช่างให้จัดการทำให้ โดยไม่สนใจว่ามันจะผิดรูปแบบมาตรฐานที่ควรเป็นไปขนาดไหน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตัวบ้านเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด ไม่ว่าจะเป็นประตูและบันได้ทอดยาวขึ้นไปที่เพดาน หน้าต่างที่สร้างไว้สำหรับมองทะลุไปยังห้องอื่น ๆ และยังมีบันไดที่นอกจากจะดูวุ่นวายแล้ว มันยังมีขนาดใหญ่เล็กปะปนกันไป ซึ่งก็มีหลายคนบอกว่าทุกการออกแบบในบ้านหลังนี้ มันมาจากความเชื่อเรื่องผีสางของเธอนั่นเอง
บันไดที่ถูกออกแบบอย่าง งง ๆ และห้องต่างๆ ที่สามารถมองทะลุได้
ก่อนช่วงเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1906 บ้านวินเชสเตอร์แห่งนี้มีความสูงถึง 7 ชั้น แต่ในปัจจุบันมันเหลือเพียง 4 ชั้นเท่านั้น วัสดุส่วนใหญ่ของบ้านทำด้วยไม้เรดวูดซึ่งมันก็ถือเป็นความต้องการของเธอเช่นกัน
ช่างต้องใช้สีมากว่าเจ็ดหมื่นแปดพันลิตรในการทาสีบ้านให้ครอบคลุมจุดที่ต้องการ ฐานของบ้านในแต่ละส่วนล้วนแยกออกจากกันเป็นของตัวเอง ซึ่งมันก็ทำให้แต่ละส่วนของบ้านไม่กระแทกกันเองในช่วงเกิดแผ่นดินไหวปี ค.ศ. 1906 และ ค.ศ. 1989 การออกแบบฐานของบ้านเช่นนี้ก็เอื้อต่อการต่อเติมมันต่อไปได้เรื่อย ๆ เพราะตัวฐานเองก็ไม่ได้ยึดติดไว้กับพื้นปูนอย่างแน่นหนา
ช่างต้องใช้สีมากว่าเจ็ดหมื่นแปดพันลิตรในการทาสีบ้านให้ครอบคลุมจุดที่ต้องการ ฐานของบ้านในแต่ละส่วนล้วนแยกออกจากกันเป็นของตัวเอง ซึ่งมันก็ทำให้แต่ละส่วนของบ้านไม่กระแทกกันเองในช่วงเกิดแผ่นดินไหวปี ค.ศ. 1906 และ ค.ศ. 1989 การออกแบบฐานของบ้านเช่นนี้ก็เอื้อต่อการต่อเติมมันต่อไปได้เรื่อย ๆ เพราะตัวฐานเองก็ไม่ได้ยึดติดไว้กับพื้นปูนอย่างแน่นหนา
หลังจากการตรวจนับแล้ว บ้านวินเชสเตอร์หลังนี้จะมีห้องอยู่ถึง 161 ห้อง ประกอบด้วย 40 ห้องนอน 2 ห้องบอลรูม ซึ่งมีห้องหนึ่งนั้นยังทำไม่เสร็จ มีเตาผิง 47 แห่ง บานกระจก 1 หมื่นบาน ปล่องไฟ 2 ปล่อง ห้องใต้ดิน 2 แห่ง มีลิฟท์ 3 หลัง ใช้เนื้อที่สร้างทั้งหมด 162 เอเคอร์ โดยในภายหลังถูกลดขนาดลงเหลือ 4.5 เอเคอร์ ภายในประดับโคมไฟระย้าสีเงินและสีทอง พื้นปาร์เก้เป็นงานแฮนเมด ประดับประดาด้วยวัสดุหลากหลายสีสันงดงาม
ด้วยความที่นางวินเชสเตอร์เป็นโรคไขข้ออักเสบ บันไดเดินง่ายแบบพิเศษจึงถูกติดตั้งเพื่อการนี้ มันทำให้เธอสามารถเดินไปไหนมาไหนภายในบ้านได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องยกเท้าให้สูงจากพื้นมากมายนัก แต่ที่แปลกมากไปกว่านั้นก็คือ ทั้ง ๆ ที่ตัวบ้านเต็มไปด้วยห้องจำนวนนับร้อย แต่มันกลับมีห้องน้ำที่ใช้ได้จริง ๆ อยู่เพียงห้องเดียว ส่วนห้องน้ำที่เหลือถูกสร้างเอาไว้เพื่อทำให้วิญญาณสับสน และเรื่องนี้ก็เป็นสาเหตุเดียวกันที่ทำให้เธอต้องนอนสลับห้องไปมาในแต่ละคืนด้วย
ของตกแต่งในบ้านวินเชสเตอร์เองก็ล้วนถือเป็นของหายากในช่วงนั้น มันประกอบไปด้วยเครื่องทำความร้อนแบบไอน้ำ ห้องน้ำแบบสมัยใหม่และท่อประปา ปุ่มกดเปิดไฟจากแก๊ส และยังมีฝักบัวอาบน้ำร้อน ส่วนลิฟท์ทั้งสามหลังก็ใช้ระบบไฟฟ้าควบคุมตัวยไฮโดรลิก
ในส่วนของประดับนั้น นางวินเชสเตอร์ก็ไม่ได้ละเลยรายละเอียด เธอใส่ใจในทุก ๆ อย่าง กระจกสีของหน้าต่างถูกสร้างโดยบริษัททิฟฟานี่ และในหลายจุดก็ออกแบบให้เธอโดยเฉพาะ บางส่วนเธอก็ออกแบบเอง อย่างเช่น ช่องบานกระจกใยแมงมุม และการใช้จำนวนเลข 13 ประกอบในการออกแบบ
ว่ากันว่ามันเป็นสิ่งที่เธอชอบ แต่กลับกลายเป็นว่าหน้าต่างดังกล่าวนี้ไม่ได้ถูกติดตั้งแต่อย่างใด มันถูกพบอยู่ในห้องเก็บของที่ถูกเรียกว่า ห้องเก็บของสองหมื่นห้าพันเหรียญ ตามราคาของที่ถูกเก็บอยู่ในนี้ ซึ่งถ้าจะเทียบกับค่าเงินปัจจุบัน มันก็น่าจะมีมูลค่าประมาณสามแสนห้าหมื่นเหรียญเลยทีเดียว
"ห้องเก็บของสองหมื่นห้าพันเหรียญ" |
มีหน้าต่างอีกบานที่ออกแบบโดยทิฟฟานี่เจ้าของบริษัท ที่จะเรืองแสงเป็นสีรุ้งยามที่มันต้องถูกแสงอาทิตย์ แต่หน้าต่างบานนี้กลับถูกติดตั้งอยู่ภายในห้องที่ไม่มีจุดไหนจะสามารถรับแสงได้เลย ราวกับว่าเธอจะไม่อยากให้ใครเห็นความสวยงามนั้น
ต่อมานางวินเชสเตอร์ก็เสียชีวิตไป ทรัพย์สินทั้งหมดของเธอได้ถูกแบ่งให้กับหลานสาวและเลขาส่วนตัว โดยหลานสาวก็นำของที่มีทั้งหมดออกประมูลขาย การขนส่งต้องใช้รถบรรทุกถึง 6 คัน ขนของต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงต่อวัน กินเวลายาวนานถึง 6 สัปดาห์ กว่าจะขนย้ายของทั้งหมดได้เสร็จสิ้น
ในส่วนตัวบ้านนั้นถูกประเมินว่าไม่สามารถขายได้ เนื่องจากมันเคยผ่านเหตุแผ่นดินไหวมาถึง 2 ครั้ง แต่อย่างไรก็ดีบ้านหลังนี้ก็ถูกนำมาประมูลขายได้ราคาไปเพียงหนึ่งแสนสามหมื่นห้าพันเหรียญเท่านั้น และต่อมามันก็ได้ถูกนายจอห์น และเมย์มี บราวน์เช่าเหมาต่อเป็นเวลา 10 ปี และซื้อมันไปในเวลาต่อมา
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1923 ห้าเดือนหลังจากที่นางวินเชสเตอร์เสียชีวิตไปนั้น บ้านหลังนี้ก็ถูกเปิดให้คนทั่วไปเดินทางเข้ามาเยี่ยมชม โดยมีนางเมย์มี บราวน์เป็นคนพาเที่ยวด้วยตัวเอง
และในปี ค.ศ. 1924 แฮรี่ ฮูดินี่ นักมายากลผู้ยิ่งใหญ่ก็แวะมาเที่ยวที่บ้านหลังนี้ด้วย โดยการมาของเขาทำให้หนังสือพิมพ์ประโคมข่าวเรียกบ้านหลังนี้ว่า บ้านอาถรรพ์วินเชสเตอร์ และมันก็ถูกเรียกแบบนี้มาจนถึงทุกวันนี้
และในปี ค.ศ. 1924 แฮรี่ ฮูดินี่ นักมายากลผู้ยิ่งใหญ่ก็แวะมาเที่ยวที่บ้านหลังนี้ด้วย โดยการมาของเขาทำให้หนังสือพิมพ์ประโคมข่าวเรียกบ้านหลังนี้ว่า บ้านอาถรรพ์วินเชสเตอร์ และมันก็ถูกเรียกแบบนี้มาจนถึงทุกวันนี้
"แฮรี่ ฮูดินี่" ผู้ริเริ่มเรียก "บ้านอาถรรพ์วินเชสเตอร์" |
ปัจจุบันบ้านวินเชสเตอร์เป็นของบริษัทวินเชสเตอร์อินเวสต์เมนท์ ที่ถูกตั้งขึ้นโดยลูกหลานของจอห์น และเมย์มี บราวน์นั่นเอง ตัวบ้านยังคงอนุรักษ์รูปแบบเอาไว้ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความหมกมุ่นในความเชื่อเกี่ยวกับภูตผีวิญญาณของเธอ
โดยว่ากันว่าวิญญาณเหล่านี้ก็คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอออกแบบบ้านจนวกวนวุ่นวาย ทั้งช่องหน้าต่างรูปใยแมงมุมและเลข 13 ก็ถือเป็นเลขโชคลางสำหรับเธอ อีกทั้งรายละเอียดอย่างเช่น โคมไฟระย้าที่มันควรมีเชิงเทียน 12 แท่ง ก็ถูกสั่งทำพิเศษให้เป็น 13 แท่ง ที่แขวนเสื้อผ้าติดกำแพงก็มี 13 อัน หน้าต่างกระจกสีก็มี 13 สี รูระบายน้ำในอ่างก็มี 13 รู ต้นไม้ในสวนก็ถูกตัดแต่งให้เป็นรูปเลข 13 และทุกวันศุกร์ที่ 13 ก็จะมีเสียงระฆังดังขึ้นมา 13 ครั้ง
โคมไฟเชิงเทียน 13 แท่ง ที่แขวนเสื้อ 13 อัน หน้าต่างกระจก 13 สี และรูระบายน้ำ 13 รู |
ในปี ค.ศ. 2016 ที่ผ่านมา ทางบริษัทผู้ดูแลได้ประกาศการพบห้องเพิ่มขึ้นมาอีกห้อง มันเป็นห้องใต้หลังคาที่มีออร์แกนวางอยู่ มีที่นอน เสื้อผ้า จักรเย็บผ้า และภาพวาดแบบวิคตอเรีย ซึ่งมันก็ได้ถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมเช่นกัน
จนมาในปี ค.ศ. 2017 คฤหาสน์อาถรรพ์วินเชสเตอร์ได้เปิดทัวร์ทั้งวันเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ในชื่อแคมเปญ 'Explore More Tour' โดยแคมเปญนี้จะนำนักท่องเที่ยวเดินผ่านไปยังห้องที่ไม่เคยเปิดให้ชมกันมาก่อน และยังพาไปชมห้องที่ยังสร้างไม่เสร็จอีกหลายห้อง ที่ซาร่า วินเชสเตอร์ทิ้งไว้หลังเสียชีวิตอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีผู้นำการออกแบบบ้านอันพิศดารของเธอ มาใช้เป็นแบบในการสร้างเกมชื่อ The Evil Within ในปี ค.ศ. 2014 และก็มีรายการในช่องดิสคัฟเวอรีี่ชื่อ Myth Busters ก็ได้จัดทำตอน Smell of Fear เล่าเรื่องราวการบุกเข้าไปในคฤหาสน์แห่งนี้ โดยในภายหลังคารี่ บายรอน หนึ่งในนักแสดงถึงกับพูดขึ้นว่า เธอถึงกับเก็บไปฝันร้ายเลยทีเดียว
เกม The Evil Within |
ในนิยายเรื่องเดอะวอร์ฮ โดยไบรอัน แคทลิง ก็ได้ใช้คฤหาสน์วินเชสเตอร์เป็นฉากในนิยายของเขา
ในปี ค.ศ. 1993 นิยายเรื่อง Vanishing Point ก็ได้นำที่นี่มาเป็นสถานที่เดินเรื่องอีกครั้ง
นิยายเรื่อง "Vanishing Point" |
ในปี ค.ศ. 2016 ปีเตอร์ โทมาสซี่ และเอียน เบิร์ทแรม ก็เขียนการ์ตูนเรื่อง House of Penance โดยมีฉากของบ้านหลังนี้เป็นตัวเดินเรื่องเช่นกัน
การ์ตูนเรื่อง "House of Penance" |
นอกจากจะมีนิยายหลายเรื่องใช้ที่นี่เป็นพล็อตดำเนินเรื่องกันมากมาย ในปี ค.ศ. 2016 ก็มีภาพยนตร์เรื่อง Ghost Adventures และ Ghost Brothers ใช้บ้านหลังนี้มาอ้างอิงทำเป็นฉากบ้านผีสิงด้วย
ภาพยนตร์เรื่อง Ghost Adventures และ Ghost Brothers
และปี ค.ศ. 2017 ภาพยนตร์เรื่องวินเชสเตอร์ ก็ได้ประกาศจะออกฉายในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 นำแสดงโดย เฮเลน เมียเรน เป็นซาร่า วินเชสเตอร์
เฮเลน เมียเรน ในภาพยนตร์เรื่องวินเชสเตอร์ |
และนั่นก็เป็นที่มาที่ทำให้เรื่องราวของคฤหาสน์แห่งนี้ถูกพูดถึงอีกครั้ง และถึงแม้ว่าภาพถ่ายที่ถูกถ่ายได้จะเป็นเพียงความผิดพลาดของแสงกระทบกับฝุ่น หรือเรื่องเล่าการเห็นผีจะเป็นจินตนาการของไกด์นำเที่ยว หรือมันจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ทุกอย่างมันก็ได้ทำให้คฤหาสน์อาถรรพ์แห่งนี้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมในราคาที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าใครมีโอกาสได้ไปยังคฤหาสน์แห่งนี้ก็อย่าลืมถ่ายภาพมาฝากมิติที่ 6 กันด้วยนะครับ
หลังจากจบรายการมิติที่ 6 แล้ว อย่าลืมกดสับสไครป์ กดไลก์ กดแชร์ หรืออย่าลืมทิ้งคอมเมนต์กันไว้ด้วยนะครับ ยังมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ สำหรับวันนี้... สวัสดี
แปลและเรียบเรียงโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
ขอบคุณที่มา: Wikipedia
แท็ก: คฤหาสน์, อาถรรพ์, วินเชสเตอร์, The Winchester Mystery House, บ้านอาถรรพ์วินเชสเตอร์, Winchester, House
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น