16 กุมภาพันธ์ 2561

มิติที่ 6 | The House of Mirrors ตำนานบ้านกระจกอาถรรพ์แห่งเมืองคาดิซ ประเทศสเปน !!!



"บ้านคือวิมานของเรา" คำพูดเช่นนี้คือสิ่งที่คนในครอบครัวระลึกถึงอยู่เสมอ ซึ่งถ้าหัวหน้าครอบครัวสามารถเติมเต็มชีวิตด้วยการมีบ้านก็เรียกได้ว่าดีที่สุดในชีวิต ที่ได้สร้างเอาไว้เพื่อส่งต่อให้กับลูกที่เขารักในวันข้างหน้า แต่ถ้าความฝันความหวังมันไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการเพราะอะไรบางอย่างล่ะ


ชมบนยูทูป


มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบา ๆ ในวันศุกร์สะดวกสัปดาห์นี้ เราจะขอเล่าเรื่องราวของบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่มีประวัติอันน่าเศร้า ที่เริ่มต้นจากความรักแต่ไปจบที่ความน่ากลัว ว่าเรื่องราวนี้... มันคืออะไรกันแน่ !?


มันมีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ในเมืองคาดิซ ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ของประเทศสเปน ชาวบ้านเรียกบ้านแห่งนี้ว่า La Casa de los Espejos หรือ The House of Mirrors ที่หมายถึง บ้านกระจก มันคือบ้านตึกแถวอายุร้อยกว่าปี มีขนาดสามชั้นที่ดูเด่นเป็นสง่าด้วยสถาปัตยกรรมตามแบบฉบับของชาวสเปนยุคเก่า สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้ในเวลากลางคืน ซึ่งตำนานเมืองดังกล่าว มันก็คือเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้



ในช่วงเวลานั้นมีหัวหน้าครอบครัวยศพลเรือตรีผู้หนึ่ง ที่มีหน้าที่สำคัญอยู่กับทางกองทัพเรือของสเปน เขาได้ซื้อตึกแถวบล็อกหนึ่งในเมืองคาดิซ และเข้ามาพักอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกสาวที่น่ารัก


ด้วยภาระหน้าที่สำคัญของเขา ทำให้ท่านนายพลจะต้องจากบ้านจากเมืองเพื่อไปปฎิบัติหน้าที่บนเรือ ไปครั้งหนึ่งก็จะกินเวลายาวนานจนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการเดินทางในแต่ละครั้ง เขาจะได้ไปยังประเทศต่าง ๆ มากมาย
และก็ไม่มีครั้งไหน ที่ท่านจะลืมหน้าที่สำคัญเลยสักครั้ง นั่นคือ "การเสาะหากระจกบานสวย" เพื่อนำกลับมาฝากลูกสาวที่น่ารัก ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ที่พอท่านนายพลหลับตาครั้งใด ภาพของเธอตอนกำลังโบกมือน้อย ๆ เพื่อร่ำลา กับใบหน้าที่มีแต่น้ำตาอาบเต็มสองแก้ม มันทำให้ภาระกิจสำคัญจะพลาดไม่ได้ เพราะสำหรับท่านนายพลแล้ว การหากระจกกลับมาฝากเธอ มันถือเป็นเครื่องแสดงความรักและห่วงใยต่อลูกสาว
จนผ่านไปหลายปีที่บ้านของท่านนายพล ก็มีกระจกสวยงามบานแล้วบานเล่า ถูกนำมาแขวนประดับอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน ตัวเด็กหญิงเองก็ดูจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้เดินมองดูพวกมัน เธอบอกกับเขาว่า ทุกครั้งที่ได้เห็นเงาของตัวเองในกระจก เธอจะมีความสุขราวกับได้เห็นหน้าคุณพ่อ ซึ่งก็เช่นเดียวกัน ท่านนายพลจะมีความสุขเสมอที่ได้เล่าเรื่องราวความน่ารักของลูกสาว ให้กับเพื่อนร่วมงานฟังอยู่ตลอดว่า ลูกสาวของเขานั้นเป็นเด็กหญิงที่น่ารักที่สุดในคาดิซ

ภาพประกอบเท่านั้น

เวลาที่ผ่านไป ภรรยาของท่านนายพลก็เริ่มมีอายุมากขึ้น ความสาวความสวยของเธอก็ค่อย ๆ ร่วงโรย ดวงตาก็เริ่มจะมองอะไรไม่ค่อยชัด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวอยู่ทุกครั้ง ที่ต้องได้มองเห็นเงาของตัวเองผ่านกระจกอันมากมายนี้ ในใจของเธอก็รู้สึกคิดอิจฉาลูกสาวคนนี้มากขึ้นทุกวัน จิตใจของเธอค่อย ๆ ดำดิ่งสู่ด้านมืด เธอเริ่มเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า จากความอิจฉาก็เริ่มกลายสภาพไปเป็นความเกลียดชัง เธอเริ่มหาเรื่องทะเลาะกับลูกสาวตัวน้อยบ่อยขึ้น ในขณะที่ท่านนายพลไม่เคยได้รู้อะไรเลยเนื่องจากเขาต้องออกไปทำงานอยู่กลางทะเลตลอด


ความสัมพันธ์ที่เริ่มมีรอยร้าวระหว่างแม่และลูกสาว ที่เริ่มกลายเป็นความเกลียดชังเพราะในก้นบึ้งจิตใจของคนเป็นแม่ เริ่มมองความรักของสามีว่ามันลดลงเพราะให้ลูกสาวคนนี้ไปจนหมด และสิ่งนี้มันก็สะสมเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายมันก็ระเบิดออกมา


ในวันหนึ่งท่านนายพลที่กำลังจะเข้าสู่วัยเกษียณ ได้ออกเดินทางเที่ยวสุดท้ายเพื่อไปสะสางงานทั้งหมด มันก็เลยเป็นโอกาสสุดท้าย ที่ภรรยาของท่านจะใช้มันเพื่อเริ่มแผนการบางอย่าง แผนการอันชั่วร้ายที่ไม่มีคนเป็นแม่ที่ไหนคิดจะทำกับลูกสาว
เธอนำยาพิษมาผสมกับเครื่องดิ่ม จากนั้นก็นำมันไปให้ลูกสาวของตัวเอง เด็กสาวผู้โชคร้ายที่ไม่เคยคิดอะไร ซึ่งก็แน่นอนเช่นกันว่า ยาพิษที่ถูกผสมอยู่ในเครื่องดื่มก็เริ่มออกฤทธิ์ทันที มันทำให้เด็กสาวล้มป่วยลงอยู่สองสามวัน โลหิตทะลักออกมาจากดวงตาและปาก ในที่สุดอาการของเธอก็อยู่ในขั้นเลวร้าย และเสียชีวิตลงไปในเวลาไม่นาน ซึ่งตัวคุณแม่เองก็เชื่อว่า ตอนนี้เธอกำจัดลูกสาวไปให้พ้นทางสำเร็จแล้ว และสามีของเธอก็จะต้องกลับมารักเธอเหมือนก่อนแน่ ๆ
สัปดาห์ต่อมาท่านนายพลก็เดินทางกลับ เขาพบว่าภรรยาของเขากำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตูด้วยทีท่าอันสงบนิ่ง เธอค่อย ๆ พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉยว่า ลูกสาวของพวกเขาได้ล้มป่วยลงด้วยโรคร้าย และจากไปในช่วงที่เขากำลังเดินทางอยู่กลางทะเล พอท่านนายพลได้ยินข่าวร้ายเช่นนี้ น้ำตาของเขาก็ถึงกับระเบิดออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง นายพลร้องไห้ราวกับหัวใจแตกสลาย เพราะการสูญเสียครั้งใหญ่ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น ท่านนายพลทำอะไรไม่ถูก เข้าไปนั่งอยู่ในห้องนอนของลูกสาว ใช้มือกุมศีรษะร้องไห้อย่างทุกข์ระทม


และในดึกของคืนวันหนึ่งในขณะที่ท่านนายพลกำลังเช็ดน้ำตาอยู่นั้น เขาก็ได้ลุกยืนขึ้น สายตาพลันไปมองที่กระจกบานหนึ่ง ที่แขวนอยู่บนผนังห้องนอนโดยบังเอิญ สิ่งที่เขามองเห็นมันทำให้เขาถึงกับตัวสั่นเพราะความหวาดกลัว ในกระจกบานนั้นเขามองเห็นวิญญาณของลูกสาวสุดที่รัก ตามมาด้วยภาพเหตุการณ์อันน่าตกใจ มันคือข้อความจากลูกสาวที่อยู่อีกโลกส่งมาให้เขาได้เห็น

(ภาพจาก: Sonhistorias)

เงาสะท้อนในกระจกนั้น เขามองเห็นภาพภรรยากำลังนำเครื่องดื่มผสมยาพิษส่งให้ลูกสาวโดยไม่มีการขัดขืน เขาเห็นลูกสาวล้มลงนอนบนที่นอน เลือดไหลทะลักออกมาจากดวงตาและปาก ส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และที่ข้าง ๆ เตียงนอนนั้น ภรรยาของเขากลับยืนมองดูอย่างเยือกเย็น เขาเห็นสายตาของลูกสาวแสดงอาการหวาดกลัวและเจ็บปวด ก่อนที่เธอจะยอมแพ้ต่อพลังอำนาจของพิษร้าย ที่กำลังออกฤทธิ์จนเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะต้านทานได้
ด้วยความตกตะลึงผสมระคนกับความโกรธ กับความเป็นจริงอันเลวร้ายที่อยู่ตรงหน้า ท่านนายพลรีบวิ่งลงบันไดมาที่ชั้นล่าง ใช้มือคว้าแขนของภรรยาด้วยความรุนแรง เขาบังคับให้เธอสารภาพในอาชญากรรมที่ได้ก่อ แล้วพาตัวเธอออกไปส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ภรรยาถูกส่งตัวขึ้นศาลในข้อหาฆาตกรรมลูกสาวตัวเอง และถูกพิพากษาให้ไปใช้ชีวตที่เหลืออยู่เพียงลำพัง หลังลูกกรงเหล็กในห้องขังอันแสนสกปรก


แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นท่านนายพลก็ไม่สามารถจะฟื้นคืนชีวิตให้กับลูกสาวของเขาได้ อีกทั้งการใช้ชีวิตภายในบ้านที่เธอถูกสังหารแบบนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทนอยู่โดยไม่คิดอะไร กระจกทุกบานมันทำให้เขานึกถึงใบหน้าของลูกสาว ที่เขาเองก็ไม่สามารถจะทำใจกับการจากไปของเธอได้เสียที นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจเดินทางออกจากเมืองคาดิซ เพื่อไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งไกลจากที่นี่ เพื่อให้ห่างจากอดีตอันขื่นขมทรมาน ส่วนตัวบ้านเขาก็ปล่อยร้าง ทิ้งไว้กับกระจกทุกบานโดยไม่ได้กลับมาอีกเลย


ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้บ้านหลังนี้ ต่างก็ยืนยันว่าช่วงตอนกลางดึก พวกเขาจะได้ยินเสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วตึกหลังนี้ พวกเขาบอกว่าเสียงที่ได้ยินมันฟังเหมือนกับเสียงเด็กผู้หญิง ที่กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส


มีคนใจกล้าบางคนตัดสินใจลอบเข้าไปสำรวจภายในบ้าน เพื่อค้นหาว่าเสียงปริศนาที่ได้ยินนั้นมันคืออะไร พวกเขาพบว่าเสียงร้องโหยหวลนั้น มันน่าจะดังมาจากชั้นบนสุดของตัวบ้าน มันคือเสียงร้องไห้ดว้ยความเจ็บปวดและทรมานของเด็กหญิง ที่ล่องลอยผ่านความเงียบงันในยามราตรี เสียงกรีดร้องที่พวกเขาได้ยินนี้ ดูเหมือนมันจะดังสะท้อนออกมาจากกระจกทุกบาน  จนไม่สามารถระบุได้ว่ามันดังออกมาจากกระจกบานไหนกันแน่
และก็มีคนอยากรู้อยากเห็นเผลอทำกระจกบานหนึ่งแตกไปด้วยความประมาทเลินเล่อ พวกเขาเล่าว่า เมื่อชายคนนี้หยิบเอาชิ้นส่วนของกระจกขึ้นมา พวกเขาก็ถึงกับช็อกเพราะในเศษกระจกชิ้นนั้น มันไม่มีเงาสะท้อนใบหน้าของชายคนนั้นเลย เงาภาพในกระจกบานนั้น พวกเขากลับมองเห็นร่างของเด็กหญิงที่เสียชีวิตไป มันดูน่ากลัวเพราะว่าเด็กหญิงที่เขาเห็นนั้น ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงอารมณ์อันโกรธเกรี้ยว ส่งผ่านไอเย็นออกมาจนทำให้เขาต้องรีบเผ่นหนี พร้อมกับร้องเสียงหลงออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที
ส่วนคนอื่น ๆ ที่แอบเข้ามาสำรวจในบ้านหลังนี้ ต่างก็ยืนยันว่าพวกเขาเห็นอะไรบางอย่าง อยู่ที่บริเวณสุดมุมของสายตา มันดูเหมือนกับมีเด็กหญิง กำลังจ้องมองพวกเขาจากทางด้านในของบานกระจก ซึ่งเมื่อพวกเขาเห็นกันแบบนั้น บางคนก็รีบวิ่งหนีออกจากบ้านไปด้วยความหวาดกลัว ซึ่งพวกเขาบอกว่าโชคยังดีที่พวกเขาสามารถหนีออกมาจากบ้านได้โดยยังมีชีวิตอยู่


จนหลายปีผ่านไปประวัติของบ้านกระจกที่เคยเกิดเหตุการณ์อันน่าเศร้าและน่ากลัว ก็เริ่มถูกร่ำลือจากเมืองคาดิซประเทศสเปน ไปจนถึงประเทศเม็กซิโก ตำนานที่เริ่มโด่งดังนี้ ก็ได้ทำให้เหล่าวัยรุ่นมากมาย เดินทางจากทั่วทุกสารทิศเพืื่อมาสำรวจยังบ้านเก่า ที่ทรุดโทรมลงไปมากแล้วกันตอนกลางดึก เกือบทุกคนต้องการที่จะทดสอบความกล้า หรือไม่ก็มาเพื่อจะค้นหาความจริงเกี่ยวกับข่าวลือ ของวิญญาณด็กหญิงที่ถูกฆาตกรรมว่า เธอยังคงสิงสู่อยู่ในกระจกจริงหรือเปล่า ?


และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีกลุ่มวัยรุ่นบางคนเริ่มจัดกิจกรรมทัวร์บ้านเก่าหลังนี้ พวกเขาจัดการประกวดประชันกันว่า จะมีใครสามารถอยู่ในบ้านผีสิงหลังนี้ได้นานที่สุดกันบ้าง โดยพวกเขาเหล่านี้ต่างพูดถึงช่วงเวลาที่เขาใช้อยู่ภายในนั้นว่า ถ้าคุณเข้าไปอยู่ในบ้านกระจกได้สักสองสามนาทีแล้ว คุณจะไม่อยากมีโอกาสที่สองเพื่อกลับเข้าไปดูกันอีกเลย


- จบ -
The House of Mirrors หรือ บ้านกระจก เป็นเรื่องเล่าสยองขวัญ ที่อ้างว่าเคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงของบ้านหลังหนึ่ง มันตั้งอยู่บนฝั่งตรงข้ามของอนุสาวรีย์มาควิซแห่งคอลิมาซ เมืองคาดิซ ประเทศสเปน โดยว่ากันว่าบ้านหลังนี้เคยเกิดเหตุน่าเศร้าและเรื่องน่ากลัวตามเรื่องเล่า ที่เหล่าวัยรุ่นมากมายยืนยันว่าพวกเขายังคงได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กหญิงคนดังกล่าว ในขณะที่แอบลอบเข้าไปสำรวจในบ้านกันจริง ๆ


โดยเรื่องเล่าเรื่องนี้ถูกโพสต์เอาไว้ที่เว็บไซต์ Scaryforkids ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 กรกฏาคม ค.ศ. 2012 ที่ไม่สามารถบอกได้ว่านำเรื่องเล่าต้นฉบับมาจากที่ไหน เพียงแต่เมื่อเราพยายามสืบค้นต่อไปก็พบว่าที่ประเทศสเปนมียูทูปเบอร์ช่อง Zrytch ได้นำเรื่องนี้มาเล่าในเวอร์ชั่นภาษาสเปนเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 2014


กดเพื่อดูคลิปของ Zrytch

ด้าน เว็บไซต์ หลาย ๆ แห่ง ที่พูดถึงตำนานบ้านกระจกแห่งคาดิซเอง สามารถระบุชี้ชัดได้เพียงว่า บ้านหลังนี้ น่าจะถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 หรือ 17 แต่ไม่สามารถระบุช่วงเวลาที่เกิดเหตุของคดีได้ ภาพถ่ายภายในก็ไม่มี มีแต่การกล่าวอ้างว่าเคยมีกลุ่มวัยรุ่นเข้าไป และพวกเขาพบว่าภายในตึกนั้น มีการซ่อมแซมปรับปรุงภายในไปแล้ว แต่ยังคงมีกระจกประดับไว้ตามกำแพงมากมาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นข้อมูลที่ผิดจากหลักความเป็นจริง เพราะไม่ว่าจะเป็นที่ไหน หากมีการซ่อมแซมภายในตัวอาคารเกิดขึ้น ข้าวของทุกอย่างจะต้องถูกโยกย้ายออกไป ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถดำเนินงานต่อได้

ในส่วนของตำนานเรื่องเล่านั้น ก็มีรายการโทรทัศท้องถิ่นของสเปนชื่อ CADIZBOOKTV ได้เคยนำเสนอประวัติของบ้านหลังนี้ไว้บนยูทูปเช่นกัน โดยคลิปดังกล่าวถูกอัพโหลดเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2012 ที่อ้างอิงจากรายละเอียดใต้คลิปว่า รายงานดังกล่าวถูกออกอากาศไปเมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2012 ซึ่งถือเป็นหลักฐานของเรื่องเล่าบ้านกระจกบนโลกออนไลน์ที่เก่าที่สุดที่เราพอจะหาพบได้ในตอนนี้
กดเพื่อดูคลิปของ CADIZBOOKTV

ซึ่งถ้าเราพิจารณาจากรายละเอียดต่าง ๆ แล้ว ตั้งแต่เรื่องเล่าที่ไม่มีบันทึกหลักฐาน การอ้างถึงสภาพภายในที่ถูกปรับปรุงซ่อมแซม และป้ายบอกขายที่ติดอยู่บริเวณหน้าตึก รวมไปถึงอีกด้านของตัวตึกที่มีคนเข้าใช้ทำประโยชน์อยู่ มันก็อาจเป็นไปได้ว่าตำนานบ้านกระจกเรื่องนี้ อาจเคยเกิดเหตุฆาตกรรมตามเรื่องเล่าจริง ๆ หรืออาจไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนก็ได้เหมือนกัน
เพราะขนาดคนสเปนเองก็ยังไม่สามารถระบุชื่อของนายพล ภรรยานายพล และลูกสาวของพวกเขาได้เลย ทั้ง ๆ ที่ในเรื่องเล่าได้ระบุว่าท่านนายพลนั้นเป็นคนสำคัญแท้ ๆ ประวัติคดีฆาตกรรมในพื้นที่เมืองคาดิซ ก็ไม่เคยมีการยกมาอ้างอิงว่าเคยมีคดีแบบนี้ มันก็เลยทำให้เรื่องเล่านี้มีอยู่แต่เรื่องเล่า พร้อมกับภาพประกอบที่ไม่เกี่ยวข้อง ที่สามารถหาได้จากอินเตอร์เน็ตเพียงเท่านั้น


แต่ที่แน่ ๆ ความน่ากลัวของเรื่องเล่าเรื่องนี้ ก็น่าจะทำให้ ไม่มีใครสนใจ อยากจะซื้อตึกดังกล่าวไป นั่นจึงทำให้สภาพภายใน ถูกปรับปรุงแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพื่อรอคนใจกล้าที่ไม่รู้เช่นกันว่าจะมีหรือไม่ มาซื้อมันไปใช้ประโยชน์กันต่อไป


ประกาศขายบ้านอยู่ขณะนี้

จากข้อมูลอันคลุมเครือของบ้านหลังนี้ มันก็ทำให้มิติที่ 6 ไม่สามารถฟังธงได้เช่นกันว่า เรื่องของบ้านกระจกอาถรรพ์หลังนี้ มันจะมีเสียงร้องอาถรรพ์ของเด็กหญิงที่ตายไปจริง ๆ หรือมันจะเป็นแค่จินตนาการจากเสียงลมที่พัดผ่านเข้าไปในตัวตึกกันแน่ !
นั่นจึงทำให้เราอยากจะถามท่านผู้ชมดีกว่าว่า ท่านคิดว่าเสียงกรีดร้องที่เหล่านักล่าท้าผีของสเปนได้ยินนั้น มันจะเป็นเสียงของอะไร ?
  • เสียงวิญญาณเด็กหญิง
  • เสียงลมพัดผ่านตัวตึก
อย่างไรแล้วก็อย่าลืมโหวตความคิดเห็นของท่านผู้ชม ผ่านทางแบบสอบถามของยูทูป ด้วยการกดที่เครื่องหมาย ( i ) แล้วอย่าลืมกลับมาดูผลการโหวตกันด้วยนะครับ


แล้วอย่าลืมติดตามรายการมิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบา ๆ พร้อมกับที่มาของมันกันได้ทุกวันศุกร์สะดวก และหลังจากจบรายการแล้ว อย่าลืมกดสับสไครป์ กดไลก์ กดแชร์ และอย่าลืมทิ้งคอมเมนต์กันไว้ด้วยนะครับ ยังมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ สำหรับวันนี้... สวัสดี !
แปลและเรียบเรียงโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
ขอบคุณที่มา: Scaryforkids และ Akorgezegeni
แท็ก: house-of-mirrors

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประกาศ

เพื่อเป็นกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเรา ขอความร่วมมือจากผู้ที่นำเรื่องราวจากมิติที่ 6 ไปใช้ในที่ของท่าน กรุณาลงเครดิตกลับมาที่เราจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ