คุณเคยเก็บของของคนอื่นได้บ้างไหม ? และเคยบ้างหรือเปล่ากับการพยายามเปิดดูว่าของที่เก็บได้นั้น มันมีอะไรอยู่ภายในบ้าง ? และยิ่งถ้ามันเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลอย่างฮาร์ดดิสก์ล่ะ สิ่งแรกที่คุณอยากจะค้นหาข้อมูลภายในนั้นคืออะไร ?
มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบา ๆ ในวันศุกร์สะดวกสัปดาห์นี้ เราจะพาท่านไปพบกับเรื่องราวของวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่บังเอิญไปเก็บเอาคอมพิวเตอร์ที่ถูกทิ้งไว้กลับมาเปิดดูที่บ้าน แล้วสิ่งที่เขาพบนั้น มันได้ทำให้ชีวิตของเขาต้องออกเดินทางไปพิสูจน์ความจริงอะไรบางอย่าง ว่าเรื่องนี้...มันคืออะไรกันแน่ !!!
ก่อนที่จะตามหาที่มาของเรื่องราวนี้ มิติที่่ 6 อยากจะเล่าเรื่องราวต้นฉบับที่ถูกเล่ากันมา ให้ท่านผู้ชมได้รับทราบกันก่อนครับ
โดยเรื่องเล่านั้นมีอยู่ว่า
สวัสดีครับ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับตัวผมเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ผมก็เลยแค่อยากจะเล่าให้ใครสักคนได้รับรู้บ้าง
ทั้งหมดมันเริ่มมาจากงานเลี้ยงของเพื่อนผมคนหนึ่ง เขาเป็นศิลปินที่มาเช่าห้องใต้เพดานส่วนหนึ่งของโรงงานในเมืองนี้ ลองนึกภาพถึงสถานที่ประมาณดีทรอยท์ ประมาณช่วงปี ค.ศ. 1920 ดูนะครับ ที่นี่มันก็น่าจะประมาณนั้น ย่านโรงงานเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีบนเนื้อที่กว่า 10 บล็อค เป็นสถานที่ ๆ ถูกทิ้งร้างทั้งหมดเลย
ดังนั้นผมก็เลยสนุกกับปาร์ตี้ในคืนนั้นกันอย่างหนัก หนักจนร่วงไปนอนกับพื้นห้อง ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตีสี่แล้ว พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นก็จริง แต่คุณน่าจะนึกถึงท้องฟ้าช่วงรุ่งสางที่มองขึ้นไปก็จะเห็นเป็นสีน้ำเงินเข้ม ผมเลยลุกไปอาบน้ำ ค่อย ๆ ก้าวเท้าอย่างระมัดระวังผ่านคนอื่น ๆ ที่นอนหลับกันอยู่บนพื้นเต็มไปหมด จนมาถึงที่หมายผมก็มองออกไปทางหน้าต่างของห้องน้ำ เห็นทิวทัศน์ข้างนอกมันมีแต่ซากของเมืองทั้งนั้น
"ผมชอบสถานที่แบบนี้มาก ๆ เลย มันทั้งมืด และไร้สิ่งมีชีวิต ให้ความรู้สึกแปลก ๆ"
จากนั้นผมก็กลับมาที่ม้านั่ง แล้วพยายามจะนอนหลับต่อ นอนมองไปที่เพดานประมาณ 45 นาที ผมก็เปลี่ยนใจอยากออกไปจากที่นี่ ดังนั้นผมก็เลยปลุกเพื่อนหญิงของผมให้ลุกขึ้นมา แล้วก็คิดว่าการเดินไปตามถนนแบบนั้น มันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไหร่ เพื่อนหญิงของผมนี่ก็เจ๋ง เธอฉลาดกว่าที่ผมคิด เธอบอกว่าเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงเธอจะกลับมา ถ้ายังไงเดี๋ยวเธอจะโทรหาผมทันที ที่เธอกลับมาจากข้างนอกแล้ว เจ้าโทรศัพท์ของผม มันก็ดันมาแบตหมดไปเมื่อสักสิบนาทีก่อน ผมก็เลยคิดว่าเดี๋ยวผมจะนั่งรออยู่ตรงหน้าต่าง จะได้คอยมองว่ารถของเธอจะกลับมาตอนไหนแทน แล้วผมก็นั่งคอยอยู่นาน จนตอนนี้หนังตามันก็ชักเริ่มหนักจะหลับเสียให้ได้สิเนี่ย
มีเสียงอะไรบางอย่างกระแทกกันอย่างแรงที่ข้างนอกนั่น มันปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เสียงมันไม่ดังมากนักหรอก แต่มันก็ดังพอที่จะดึงผมให้กลับมายังโลกของความจริง ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย มองไปที่ผั่งตรงข้ามของถนนจากตรงนี้ ผมก็เห็นมีกองขยะกองใหญ่ มันเต็มไปด้วยขยะสารพัดสารเพ และผมก็เห็นซากเครื่องคอมพิวเตอร์และจอมอนิเตอร์วางกองที่พื้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นมันยังไม่มีอะไรแบบนี้เลย
จนกระทั่งเพื่อนหญิงของผมมาถึง ผมก็เดินลงไปทักทายกับเธอ จากนั้นผมก็แค่เดินเข้าไปในรถ ผมจำได้ว่าหม้อแปลงคอมพิเตอร์ของเพื่อนคนหนึ่งมันเพิ่งจะพังไป คิดได้แบบนั้นผมก็เลยตัดสินใจเดินไปที่กองขยะกองนั้นก่อน เผื่อจะคุ้ยเจออะไรบ้าง จอมอนิเตอร์นี่ดูไม่จืด แต่ตัวเคสคอมพิวเตอร์นี่ดูเหมือนจะไม่เสียหายอะไรมากนัก ผมก็เลยนำมันไปยัดใส่หลังรถก่อนที่เราจะออกเดินทางกันจริง ๆ
ผ่านไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ ผมก็ลืมเจ้าเคสคอมพิวเตอร์นั่นไปเลย จนเพื่อนหญิงของผมโทรมาบอกว่า ไอ้เจ้านั่นมันยังอยู่ในฝากระโปรงหลังรถของเธอ ให้มาเอากลับไปสักที คืนนั้นผมก็เลยนำมันกลับมาที่บ้าน แต่ก่อนที่ผมจะแกะเครื่องดูนั้น ผมตัดสินใจจะลองต่อมันเข้ากับจอมอนิเตอร์ของผมดูก่อนเผื่อมันจะยังใช้งานได้ แล้วมันก็ทำให้ผมแปลกใจ มันยังทำงานด้วยระบบวินโดวส์เอ็กซ์พี สภาพของเครื่องมันก็ยังดูเหมือนใหม่
ว่าแล้วผมก็เลยลองเช็คไฟล์ด้วยคำว่า “นม” และ “จิ๊มิ” เผื่อว่าจะได้พบกับความลับอันยิ่งใหญ่ ที่ถูกเจ้าของคนเก่าซ่อนมันเอาไว้ไม่ก็ลืมลบทิ้ง แต่ผลปรากฏว่าไม่เจอไฟล์อะไรแบบนั้นเลย คราวนี้ก็เลยเปลี่ยนมาค้นหาไฟล์รูปภาพบ้างแต่มันก็ไม่มีอะไรอีก ทีนี้ผมก็เลยลองค้นหาไฟล์คลิปวิดีโอดู แล้วมันก็แจ้งผลการค้นหาออกมา 1 ไฟล์ เจ้าไฟล์นี้เป็นนามสกุล avi อยู่ในโฟลเดอร์ที่ชื่อว่า “barbie” ซ่อนอยู่ในโฟลเดอร์ WINDOWS/system32
"ผมก็เลยลองเปิดไฟล์เล่นดู ตอนนี้แหละที่มันทำให้ผมเริ่มขนลุก"
เจ้าคลิปวิดีโอนี้มันยาวเป็นชั่วโมง มันน่าจะเป็นไฟล์ที่ถูกแปลงมาจากฟุตเทจต้นฉบับอะไรสักอย่าง โดยในฟุตเทจนั้นจะมีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พูดอะไรบางอย่างอยู่หน้าฉากหลังสีขาว ผมกดข้ามวิดีโอไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าทั้งหมดนั้นคือช็อตต่อเนื่องจากกล้องเพียงตัวเดียว ผมก็เลยนั่งดูทั้งหมดเพื่อจะได้รู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร โดยตลอด 50 วินาทีแรกของฟุตเทจที่ผมนั่งดูอยู่นั้น เสียงพูดของเธอนี่ฟังไม่ได้เลย มีแต่เสียงรบกวน ผมเองก็ไม่ยอมปล่อยวางความอยากรู้อยากเห็นทิ้งไปอีก
แล้วผมก็เลยนำไฟล์ทั้งหมดไปเปิดในโปรแกรมไฟนอลคัท และพยายามปรับแต่งความดัง เพื่อจะได้ทำให้เสียงของเธอชัดขึ้น มันก็พอจะช่วยได้นิดนึงแต่ก็ยังฟังเสียงพูดของเธอไม่ออกอยู่ดี ผมก็เลยต้องเปลี่ยนแผนหันไปให้ความสนใจกับใบหน้าและท่าทางของเธอแทน ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะถาม ไม่ก็กำลังตอบคำถามอะไรบางอย่าง เห็นได้ว่าเธอหยุดฟังเป็นพัก ๆ ก่อนที่จะพูดต่อไป
จนดูคลิปผ่านไปได้ 15 นาที ใบหน้าของเธอเริ่มจะแดงกล่ำและบิดเบี้ยว ราวกับมีคำถามที่เธอไม่ชอบ แต่เธอก็ยังคงตอบคำถามนั้นต่อไป จากนั้นเธอก็เริ่มจะร้องไห้... เธอร้องไห้นานอยู่พอสมควรเลยทีเดียว มีคำหนึ่งที่ผมพอจะอ่านจากปากของเธอได้ เธอพูดว่า “skin” หรือผิวหนัง เธอพูดคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดฟุตแทจ และมีอยู่จุดหนึ่งของคลิป เธอดึงผิวหนังของเธอที่แขน พร้อม ๆ กับที่ปากพูดว่าผิวหนัง ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยชอบผิวของตัวเองสักเท่าไหร่
นี่มันก็มากพอที่ผมควรจะปล่อยวางอยู่นะ แต่ผมว่าผมก็มาไกลมากแล้ว ไว้ผมค่อยแบ่งเวลาไปพักในวันพรุ่งนี้แทนละกัน ยังไงพ่อแก้วแม่แก้วก็ช่วยดูแลลูกช้างด้วยนะครับ
ทุกอย่างเลยดำเนินต่อไป จนมาถึงนาทีที่ 40 หญิงสาวในคลิปก็ร้องไห้หนักมาก เธอมองมาที่กล้องแล้วหยุดพูดไป ฟุตเทจก็ปล่อยให้เธอก้มหน้าร้องไห้ไปแบบนั้น ตรงนี้มันแปลกมาก เธอไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาหรือขยับตัวอะไรเลย และภาพก็ค่อย ๆ มืดลงไป
ผมเล่นคลิปที่จุดนี้อยู่หลายครั้งตลอดคืน พยายามจะจับจุดที่เธอขยับตัวเพื่อจะได้รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ มันขัดใจผมมาก ผมอยากรู้ให้มากกว่านี้ แถมผมยังสังเกตเห็นอีกว่า หลังจากที่คลิปมันมืดผ่านไปกว่า 10 นาที มันก็กลับมีฟุตเทจอื่น ๆ ให้ดูต่อไปเรื่อย ๆ
โดยฟุตเทจจากตรงนี้ภาพค่อนข้างจะสั่นมาก เรียกว่าดูกันไม่รู้เรื่องเลย เห็นแต่ขาคู่หนึ่งเดินไปมาตามทางรถไฟ ผมเข้าใจว่าเจ้ากล้องนั่นมันอาจจะเกิดผิดพลาด ถูกเปิดให้บันทึกไว้ในช่วงที่กำลังถูกถือไปที่ไหนสักแห่ง คนในคลิปเดินอยู่บนทางรถไฟประมาณ 6 นาที จากนั้นก็เริ่มเดินเข้าไปในป่า จากพื้นที่มีแต่เศษหมอนไม้รถไฟ และเดินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคลิปจบลงไปในที่สุด
ตอนนี้หัวใจของผมเริ่มเต้นแรง เพราะที่นี่มันมีทางรถไฟอยู่ห่างไปไม่กี่ไมล์ แถมยังดูคล้าย ๆ กับในคลิปวิดีโอนี้ด้วย ผมว่าผมควรจะไปเช็คดูเสียหน่อย
ผมโทรหาเอซร่าเพื่อนของผม เขาสูง 6 ฟุต 4 นิ้ว หนัก 250 ปอนด์ หุ่นล่ำบึ้ก! ผมชวนเขาโดยบอกว่าจะพาไปผจญภัยด้วยกัน ผมคงไม่ได้ออกตัวเกินไปนะแต่ผมรู้สึกว่าถ้าเกิดผมจะต้องไปเดินป่า เพื่อจะได้ออกตามหาสิ่งที่ต้องการอะไรสักอย่างเนี่ย พวกสายกล้ามมันน่าจะปกป้องผมได้แน่ ๆ และมันก็เป็นทางออกที่ดีในการออกไปสืบหาความจริง ของเจ้าคลิปวิดีโอที่ทำให้ผมนอนไม่หลับคลิปนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นมันเป็นวันอาทิตย์ที่แดดดีมาก ผมเตรียมไฟฉาย กล้อง แล้วก็มีดสั้นสีดำขอบหยักความยาว 7 นิ้ว จากนั้นก็ขับรถไปรับเอซร่า พอผมไปถึงที่บ้านของเขาปรากฏว่าเขายังไม่ตื่น พอผมปลุกเขาเขาก็ตอบว่าไม่ไปแล้ว ผมเลยต้องเตรียมตัวที่จะทำภารกิจนี้ต่อไปโดยไม่มีเอซร่า แล้วผมก็ขับรถมาจนถึงสถานีรถไฟ เตรียมข้าวของเสร็จผมก็กระโดดลงไปที่ทางวิ่ง
หลังจากเดินไปกว่า 2 ชั่วโมง ผมก็เห็นกองเศษไม้หมอนรางรถไฟที่ว่า ตอนนี้ขาผมสั่นไปด้วยความตื่นเต้นไปหมด ผมหาจุดที่ใกล้เคียงกับในคลิปเจอแล้ว และที่นี่มันก็น่าจะเป็นจุดที่จะนำทางไปยังป่าแห่งนั้น
ผมเดินไปตามทางนั้นเรื่อย ๆ ตาก็คอยสอดส่องทุกอย่างอย่างใกล้ชิด ผมหยุดเดินเป็นระยะ ๆ เพื่อจะได้หยุดเงียหูฟังบางสิ่งบางอย่างไปเรื่อย ๆ แต่มันก็ยังไม่มีอะไร นี่มันเป็นอะไรที่บีบหัวใจผมมากที่สุดตั้งแต่เกิดมา ผมไม่รู้เลยว่าเจ้าเส้นทางนี้มันจะไปจบลงที่ไหนกันแน่
จากเส้นทางที่มีต้นไม้ล้อมรอบก็ได้นำทางผมไปยังเกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนสนามหญ้าแห่งหนึ่ง พอผมเห็นที่่นี่ บ้านที่ว่ามันก็ควรจะอยู่ที่ป่าตรงนั้น จากจุดที่มองตรงนี้คิดว่าน่าจะไม่มีใครอาศัยอยู่มา 20 หรือ 30 ปีแล้ว ผมหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพสักสองสามภาพ แล้วก็นั่งลงที่ใต้ต้นไม้พักหนึ่ง จากนั้นก็มองสำรวจไปรอบ ๆ
"ผมไม่ได้อยากจะมาอยู่ในที่โล่งแบบนี้ ผมรู้สึกแย่ขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นทุกสิ่งกำลังมองผมอยู่"
นั่นมันก็เลยทำให้ผมต้องรวบรวมความกล้า เดินไปที่ตัวบ้านหลังนั้น ประตูบ้านดูเหมือนจะแง้มอยู่ด้วย ผมเลยเปิดมันแล้วใช้ไฟฉายส่องเข้าไปดูข้างในจนทั่ว ดูเหมือนว่าข้างในบ้านมีความสว่างอยู่พอสมควร ผมเลยเก็บไฟฉายไปก่อน จากนั้นก็หยิบกล้องมาถ่ายภาพเพิ่มเติม ในนี้มันไม่มีเฟอร์นิเจอร์สักชิ้น บนพื้นก็มีแต่เศษอิฐเศษไม้ ที่กำแพงบางจุดก็มีรูโหว่ใหญ่ ๆ พอผมค่อย ๆ สำรวจต่อไป ผมก็เห็นบางอย่างที่ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรในตอนนั้น แต่ตอนนี้ผมกลับมาคิดดูทีไรมันก็ทำให้ผมรู้สึกหลอนทุกที
อย่างแรกที่มันดูแปลก ๆ ก็คือ ประตูบานหนึ่งในห้องแรกนั่น มันน่าจะเป็นทางลงไปห้องใต้ดิน มันดูใหม่เกินกว่าจะมาอยู่ในบ้านหลังนี้มาก และมันก็เป็นประตูเพียงบานเดียวที่ถูกล็อคเอาไว้ ทีนี้ พอผมเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ผมก็เห็นเก้าอี้กับโต๊ะวางซ้อนทับกันอยู่ มันก็ดูใหม่กว่าสถานที่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกกังวลใจมาก ๆ มันก็คือที่ห้องน้ำ เพราะฝุ่นที่เกาะบนกระจกมันถูกเช็ดออกไปจนหมด และในอ่างน้ำนั้น ผมเห็นแผ่นพลาสติกใสปูรองหยดน้ำที่ยังคงมีน้ำหยดอยู่ ผมเห็นชัดเลยว่ามันถูกทำความสะอาดมาแล้ว
จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น ผมเลยรีบกระโดดออกจากหน้าต่างชั้นสอง วิ่งกลับไปยังทางรถไฟอย่างเร็วที่สุดในชีวิตเลย
จนวิ่งออกมาได้ครึ่งทาง ผมก็คิดว่าจริง ๆ แล้วเสียงที่ว่านั้น มันก็อาจจะเป็นแค่เสียงน้ำไหลดังมาจากท่อ จนกังวาลกว่าความเป็นจริงก็เป็นได้ และมันก็มีเรื่องที่ทำให้รู้สึกหลอนอีกเรื่องหนึ่งก็คือ บ้านร้างกลางป่าแบบนี้มันจะไปมีน้ำไหลอยู่ตามท่อแบบนั้นได้ยังไง
เรื่องนี้มันก็ผ่านมาแล้วกว่า 2 เดือน และตั้งแต่วันนั้นมา ผมก็ไม่เคยคิดจะกลับไปยังที่แห่งนั้นอีกเลย
เรื่องเล่าสยองขวัญ Barbie.avi นี้ คือหนึ่งในเรื่องเล่าคลาสสิคของเรื่องราวสยองขวัญต่างประเทศ หรือที่เรารู้จักกันในนามครีปปี้พาสต้า แต่งโดยผู้แต่งนิรนาม ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบสมัยนิยม นั่นก็คือการโพสต์ว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ประสบกับเหตุการณ์มาจริง ๆ และมีการนำเสนอคลิปประกอบเรื่องเล่าเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเข้าไป
โดยหลังจากที่เรื่องเล่านี้ได้ถูกโพสต์ไว้เมื่อช่วงต้นปี ค.ศ. 2010 บนเว็บไซต์ 4Chan พร้อมกับคลิปที่อ้างว่าเป็นที่มาของเรื่องราวทั้งหมด จำนวนทั้งสิ้น 3 คลิป จากที่ทั้งหมดมี 4 คลิป คือคลิปที่ 1, 2 และ 4 มันก็ได้ทำให้ผู้คนที่อ่านเรื่องราวนี้ เกิดความสงสัยหลาย ๆ อย่าง ตั้งแต่เรื่องเล่านี้เป็นความจริงหรือเปล่า ? และหญิงสาวที่อยู่ในคลิปนั้นคือใคร ? และก็มีบางคนพุ่งประเด็นไปที่คลิปที่ 3 ซึ่งเป็นคลิปที่หายไปว่ามันอาจจะซ่อนความจริงอะไรเอาไว้
จนเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2010 สมาชิกของเว็บไซต์ถามตอบ Yahoo! Answers ชื่อ Jacque ได้โพสต์ถามความจริงของเรื่อง Barbie.avi เรื่องนี้เป็นครั้งแรก โดยต่อมาก็มีผู้เข้ามาตอบคำถามนี้ด้วยกัน 5 คน และคำตอบที่ดีที่สุดนั้นก็เป็นของสมาชิกที่ใช้ชื่อว่า halo2god ซึ่งเขาได้ให้คำตอบเอาไว้ว่า ผู้โพสต์คำถามนี้ไม่ควรจะใส่ใจอะไรกับเรื่องเล่าเรื่องนี้เลย
ต่อมาในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2010 เรื่องเล่าเรื่องนี้ก็ได้ถูกนำไปโพสต์ไว้ที่เว็บไซต์ Creepypasta Wiki และในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2010 สมาชิกเว็บไซต์เรดดิตชื่อ b00gielove ก็ได้โพสต์ลิงค์จากเว็บไซต์ที่บันทึกหน้าเว็บกระทู้ของ 4Chan ที่มีเรื่องเล่านี้เอาไว้ที่ซับเรดดิตหมวด /r/nosleep
โดยปริศนาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวภายในคลิปนั้นเป็นใคร และคลิปที่ 3 ที่หายไปนั้นซ่อนความจริงอะไรเอาไว้ มันก็ได้ทำให้ผู้คนในสมัยนั้น พูดถึงเรื่องนี้ว่าหญิงสาวในคลิปดังกล่าวน่าจะเป็นผู้พิการแขนขวา และหญิงสาวในคลิปนั้นอาจจะเป็นนักแสดงหญิงของประเทศฝรั่งเศสชื่อ โจเซฟิน เฟรสสัน เพียงแต่เจ้าตัวนั้นก็ไม่ใช่ผู้พิการแต่อย่างใด
นั่นจึงทำให้มิติที่ 6 ต้องค้นหาที่มาต่อไป จนได้พบกับบันทึกจดหมายเหตุ ที่น่าจะเฉลยเรื่องราวทั้งหมดอย่างถูกต้อง และมันก็ได้ทำให้มิติที่ 6 ต้องนำเสนอความจริงให้ครบถ้วนที่สุด เพื่อไม่ให้พวกเราคนไทย นำเรื่องราวนี้ไปเล่าโดยขาดสติกันอีกต่อไป
|
โจเซฟิน เฟสสัน เธอแค่หน้าคล้าย
|
ในบันทึกดังกล่าวนั้นได้พูดถึง เว็บไซต์ 2ch.hk ซึ่งเป็นเว็บไซต์กระดานข่าวรูปภาพของประเทศรัสเซีย ได้เปิดประเด็นเพื่อสืบหาที่มาของ Barbie.avi ไว้เมื่อช่วงประมาณปลายปี ค.ศ. 2016 โดยสมาชิกนิรนามชาวรัสเซียท่านหนึ่ง สามารถสืบหาที่มาของคลิปที่แท้จริงได้ว่า
มันคือคลิปที่ถูกอัพโหลดไว้เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้คนที่สนใจเกี่ยวกับ Amputee Model หรือนายแบบนางแบบพิการ ที่เว็บบล็อก freeamputee.blogspot.com ชื่อคลิปว่า Tammy RAE (RAE ย่อมาจากคำว่า Right Arm Elbow ขยายความว่าเธอพิการบริเวณตั้งแต่ข้อศอกข้างซ้าย) โดยมันถูกโพสต์เอาไว้เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 2009 นั่นจึงทำให้เบื้องต้นเราทราบว่านางแบบในคลิปนั้นถูกเรียกว่า แทมมี่ โดยไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้วเธอกำลังให้สัมภาษณ์เรื่องอะไร เพราะตัวเสียงพูดในเทปนั้น ก็ฟังไม่รู้เรื่องแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว และมันก็ได้ทำให้ความสงสัยนี้ถูกทิ้งไว้หลายปี
|
"Mucanzhe.net" เว็บโหวตนางแบบพิการของจีน
|
จนกระทั่งนักสืบผู้นี้มาพบกับเว็บไซต์ Mucanzhe.net ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับนางแบบพิการนานาชาติของประเทศจีน โดยสมาชิกของกระดานข่าวที่นี่ ได้ทำการโพสต์คลิปเดียวกันนี้เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 2013 เพื่อเปิดประเด็นเกี่ยวกับแทมมี่ ว่าเธอคือนางแบบพิการในอดีต และมันก็ได้ทำให้สมาชิกหลายคนถกเถียงกันว่า จริง ๆ แล้วแทมมี่นั้นไม่น่าจะเป็นนางแบบ เพราะชื่อของเธอนั้นไม่เคยถูกบันทึกไว้ในทะเบียนประวัตินางแบบพิการมาก่อน
ต่อมานักสืบชาวรัสเซียผู้นี้ก็ได้ภาพถ่ายอื่น ๆ ของแทมมี่มา จากสมาชิกในกระดานข่าวที่พอจะค้นภาพของเธอมาได้ มันก็ทำให้เราพอจะทราบว่า หญิงสาวในคลิปปริศนานี้น่าจะถูกเรียกว่า แทมมี่จริง ๆ เพราะสร้อยคอของเธอกับของนางแบบในภาพถ่ายนั้น น่าจะเป็นสร้อยเส้นเดียวกันแน่ ๆ
|
"สร้อยคอ" คือหลักฐานว่าเธอคือแทมมี่ หรือชารอน
|
ต่อมานักสืบชาวรัสเซียจึงได้ทำการติดต่อไปยัง ไมค์ ราวนด์ ผู้ก่อตั้งสมาคมนางแบบพิการนานาชาติ เพื่อขอข้อมูลของแทมมี่เพิ่มเติม ก็ได้รับคำตอบว่า เขามีตัวเทปวิดีโอต้นฉบับที่บันทึกไว้ในระบบ VHS เก็บไว้เช่นกัน และยังได้บอกรายละเอียดเพิ่มเติมว่า หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าแทมมี่ดังกล่าวนั้น มีชื่อจริงว่า "ชารอน" และเธอนั้นไม่ได้เป็นนางแบบพิการแต่อย่างใด
|
"นิ้วมือซ้าย" เธอมีแหวนที่นิ้วนางเช่นเดียวกับในคลิป
|
โดยไมค์ ราวนด์นั้นได้เล่ารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับชารอนว่า เธอได้มาบันทึกวิดีโอนี้ไว้ เพื่อเล่าชีวิตของเธอให้กับผู้สัมภาษณ์ชื่อ JAMA Bennett Reed เจ้าของโรงเรียนสำหรับผู้พิการแห่งหนึ่ง ตอนนั้นชารอนน่าจะอายุประมาณ 22 ปี โดยเนื้อหาในวิดีโอนั้น ชารอนได้เล่าว่าในช่วงที่เธออายุประมาณ 16 ปีนั้น เธอได้งานทำอยู่กับเครื่องล้างเวชภัณฑ์ ที่ทำงานคล้ายกับเครื่องซักผ้า
|
"ไมค์ ราวนด์ส์" บอกว่าเธอคือชารอน |
โดยสมัยนั้นเครื่องดังกล่าวยังไม่มีระบบความปลอดภัย ไม่สามารถล็อกตัวถังให้หยุดหมุนในขณะเครื่องทำงานเหมือนสมัยนี้ และมันก็ทำให้ระหว่างที่เธอกำลังจัดวางแผ่นรองอุปกรณ์ลงในตัวถัง ทั้ง ๆ ที่เครื่องกำลังทำงานอยู่นั้น ได้บิดแขนขวาของเธอจนขาดติดไปกับแผ่นรองทันที และมันก็ได้ทำให้ชีวิตของชารอนต้องเปลี่ยนจากคนปกติทั่วไป กลายมาเป็นคนพิการอย่างที่เห็นกันในคลิปวิดีโอ
|
ภาพจาก Mucanzhe.net
|
ต่อมาทางนักสืบก็ได้สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเทปต้นฉบับ แต่ไมค์ก็ได้บอกปัดโดยให้เหตุผลว่า มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องเล่าอะไรเพิ่มเติมไปกว่านี้อีกแล้ว
|
"ไมค์ ราวนด์ส์" อาจจะต้องการรักษาความส่วนตัวให้แทมมี่
จึงตอบปฎิเสธแบบไม่ไยดีเช่นนี้ |
นั่นจึงทำให้นักสืบรัสเซียต้องติดต่อกับ JAMA Bennett เพื่อสอบถามรายละเอียดอื่น ๆ ต่อไป เพียงแต่ด้วยเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน จาม่าเองก็จำชารอนไม่ได้เสียแล้ว
|
"จาม่า" เธอจำแทมมี่ไม่ได้แล้ว
|
แต่สิ่งที่นักสืบรัสเซียทราบนั้น มันก็พอจะสรุปได้นั้นก็คือ ชารอนนั้นน่าจะมาบันทึกวิดีโอชุดนี้ และเล่าเรื่องราวของเธอไว้เพื่อให้กำลังใจแก่ผู้พิการคนอื่น ๆ ให้สู้ชีวิตต่อไป โดยมันน่าจะถูกถ่ายทำไว้ประมาณช่วงปี ค.ศ. 1989 ไม่ก็ปี ค.ศ. 1999 ในโครงการของสมาคมผู้พิการแห่งหนึ่ง ที่ก่อตั้งโดยเบตต์ หรือ เบตตี้ แฮ็กกลัน (Betty, Bette Hagglund) ซึ่งปัจจุบันเบ็ตตี้ได้เสียชีวิตไปเมื่อปี ค.ศ. 2007 แล้ว นั่นจึงทำให้การสืบเรื่องราวต้องจบลง โดยไม่ทราบว่าปัจจุบันนี้แทมมี่หรือชารอนหญิงสาวในคลิปนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และมันก็คือปริศนาสุดท้าย ที่เราไม่มีความจำเป็นจะต้องไปสืบหาเพิ่มเติมอะไรกันอีกแล้ว
และนั่นก็คือทั้งหมดที่มิติที่ 6 พอจะค้นหาที่มาที่แท้จริงของคลิป Barbie.avi มาได้ และหวังว่าท่านผู้ชมน่าจะพอคลายความกังวลใจจากเรื่องราวสยองขวัญที่ถูกใครสักคนแต่งขึ้นมา และยังนำคลิปของผู้พิการทางแขนมาตัดต่อจนน่ากลัว โดยไม่ได้คำนึงถึง แทมมี่หรือชารอนที่ต้องต่อสู้กับการใช้ชีวิตปกติด้วยร่างกายที่พิการของเธอเลย
มิติที่ 6 ก็อยากจะบอกกับท่านผู้ชมว่า ถ้าหากมีใครนำเรื่องเล่า "Barbie.avi" เรื่องนี้มาเล่ากันในวงสนทนา ก็ขอให้เราฟังเรื่องราวของเขาให้จบเสียก่อน จากนั้นค่อยนำข้อมูลจากมิติที่ 6 มาเฉลยกลางวง เพื่อให้ทุกคนได้ทราบความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังว่ามันไม่ใช่อย่างที่เราคิด และเราควรให้ความเคารพในสิทธิมนุษยชนกับผู้พิการให้มากกว่าการเป็นเพียงเรื่องเล่าจะดีที่สุด
"นั่นก็เพราะว่าความจริงนั้น มันช่างไม่มีสเน่ห์..เอาเสียเลย"
|
สำหรับผู้ที่ทราบความจริงนั้น เธอคือเจ้าหญิงไปแล้ว
|
อย่าลืมติดตามรายการมิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบา ๆ พร้อมกับที่มาของมันกันได้ทุกวันศุกร์สะดวก และหลังจากจบรายการแล้ว อย่าลืมกดสัปสไครป์ กดไลก์ กดแชร์ หรือทิ้งคอมเมนต์กันไว้ด้วยนะครับ ยังมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ สำหรับวันนี้ สวัสดี
เรียบเรียงและบรรยายโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
ที่มา :
Know Your Meme - Barbie.avi
4Chan Archive - Russian Inestigaing Barbie.avi
จดหมายเหตุ -
Barbie.avi Investigation
Creepypasta - Barbie.avi