อันดับแรก เรื่องพิมพ์เขียวจานบิน ของนิโคลา เทสลา เรื่องนี้ ไม่เคยได้ยินครับ หมายความว่า มันต้องมีคนเล่าเรื่องนี้ใช่ไหมครับ
ซึ่งคุณอัครเดช ก็ได้ให้ลิงค์ต้นทางมาด้วย มันคือเว็บไซต์โปรเจ็คคาเมล็อต เป็นเว็บไซต์ที่ถูกตั้งขึ้น เพื่อรวบรวมข้อมูลของบุคคล ที่อ้างว่าเคยติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว เอาแค่นี้ก็พอครับ เพราะสิ่งที่คุณอัครเดชอยากรู้ มันคือเรื่องที่นำมาสอบถามกับมิติที่ 6 นั่นแหละครับ
หน้าเพจที่ยกมา พูดถึงชายจำนวนสองคน คนแรกชื่อคุณราล์ฟ ริง เขาเป็นนักประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงครับ อีกคนชื่อว่าโอทิส คารร์ เป็นคนที่เคยทำงานกับนิโคลาเทสลา โดยคุณโอทิสคนนี้ เขาอ้างว่าตัวของเขา ได้เทคโนโลยีการสร้างจานบิน มาจากโครงการลับของเทสลาครับ และทั้งสอง ก็ได้แสดงพิมพ์เขียวของมัน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า พวกเขา กำลังจะสร้างจานบินที่สามารถบินได้จริง ๆ แล้วจะพาผู้คนที่สนใจ ไปเที่ยวนอกโลกกันเร็ว ๆ นี้
บทความจากเว็บไซต์ไม่ยาวมากครับ มันจบลงที่ ก่อนที่การทดลองของเขาจะเสร็จสิ้น ได้มีคนของรัฐบาลสหรัฐ สั่งให้พวกเขายุติการทำงานทันที ซึ่งคุณราล์ฟ ริง ได้ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า ตัวของเขานั้น เคยขึ้นไปบนจานบินตัวทดสอบมาแล้ว มันบินไปได้ไกลตั้ง 10 ไมล์ โดยใช้เวลาเพียงอึดใจเท่านั้น
ส่วนที่เหลือของบทความ ได้อ้างอิงข้อความ ที่พอจะสรุปได้ว่า สิ่งที่ราล์ฟริงพูดนั้น น่าจะมีน้ำหนักเชื่อถือได้
เรื่องนี้ ในกลุ่มมิติที่ 6 ก็มีสมาชิกหลายท่านนะครับ ที่พยายามช่วยกันหาข้อมูลว่า เรื่องนี้มันจริงหรือไม่ โอทิส คารร์มีพิมพ์เขียวจานบินจริงหรือเปล่า ภาพที่คุณอัครเดชนำมาใช้ประกอบการสอบถาม เป็นภาพพิมพ์เขียวที่ว่าจริงหรือไม่
ปรากฏว่า มันเป็นพิมพ์เขียวของจริงครับ และพิมพ์เขียวฉบับนี้ ยังมีให้ดูกันแบบฟรี ๆ ในเว็บไซต์กูเกิล หมวดสิทธบัตรทางปัญญา ที่น่าจะทำให้เราหายข้องใจว่า มันคือจานบินแบบไหน ใช้เทคโนโลยีอะไร ในการทำให้มันขึ้นบินไปในอวกาศ
ตอนแรก ผู้บรรยายเอง ก็ได้ค้นหาประวัติของคุณโอทิสคารร์ เพื่อดูว่า เขากำลังสร้างจานบินจริงหรือเปล่านะครับ ปรากฏว่า ในยุคปี 1960 นั้น คุณโอทิสคารร์เขาทำจริง ๆ ครับ เพียงแต่ พอถึงวันที่เขานัดหมาย ว่าจะนำจานบินมาแสดงให้ดู เขากลับอ้างว่าตัวเองป่วย แล้วขอยกเลิกงานเปิดตัวไปแบบกระทันหัน ทำให้เหล่าผู้สนใจที่เดินทางมา ต้องถูกทิ้งให้อยู่ในบริเวณจุดประกอบจานบิน
พวกเขาพยายามมองหามันครับ เจ้าจานบินที่โอทิสคารร์กล่าวอ้างมันอยู่ตรงไหน พวกเขาพบแต่โมเดลจานบินจำลอง ขนาดก็ใหญ่นะครับ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากมาย ถึงขนาดจะบรรจุผู้โดยสารเข้าไปได้ รูปร่างของมันคือจานบินจริง ๆ เพียงแต่ว่ามันสร้างด้วยไม้ ไม่สามารถใช้ขึ้นบินจริง ๆ ได้ ทำให้งานเปิดตัววันนั้น ไม่มีใครได้นั่งจานบินของจริง โอทิส คารร์ก็หายตัวไป ก่อนที่จะปรากฏตัวอีกครั้ง ในปี 1961 เนื่องจากตัวของเขา ต้องเข้ารับฟังการพิจารณคดี ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงหลักทรัพย์ โดยศาลพิจารณาสั่งปรับเงิน โอทิสคารร์ เป็นจำนวน 5000 ดอลลาร์ ซึ่งตัวของโอทิสคาร์เอง ก็ไม่ได้ร้องขอการอุทธรณ์ใด ๆ ครับ
คดีความนี้ เกิดขึ้นในเดือนมกราคม ปี 1961 ผ่านมาจนถึงเดือนมีนาคม โอทิสคารร์ก็ถูกตำรวจจับครับ เนื่องจากเขาไม่สามารถจ่ายค่าปรับ ต้องโทษจำคุกไป 14 ปี จนกระทั่งพ้นโทษออกมา โอทิสคารร์ก็หลบไปใช้ชีวิตเงียบ ๆ จนกระทั่งเสียชีวิตไป ในปี 1982
โดยประวัติชีวิตย่อ ๆ นี้ ทำให้เห็นชัดเจนอย่างหนึ่งว่า โอทิสคารร์ ไม่เคยต่อยอดสิ่งประดิษฐของเขาเลย ส่วนคุณราล์ฟ ริง ในยุคที่เกิดเรื่องนั้น เขาไม่เคยออกตัวชัดเจนครับ ทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบอะไร กับการที่โอทิสคารร์ถูกจับแม้แต่น้อย แต่ที่ชื่อของเขา ถูกพูดถึงในเว็บไซต์โปรเจคคาร์เมล็อต เพราะคุณราล์ฟ ริงนี่เองแหละครับ ที่ออกมาให้ข้อมูลกับเว็บไซต์ว่า เขาเคยทำงานกับโอทิสคารร์ และเป็นคนที่อ้างว่า คุณโอทิสคารร์เนี่ย เป็นถึงลูกบุญธรรมของเทสล่าเลยครับ โดยปีนี้ คุณราล์ฟ ริง อายุย่างเข้าวัย 87 ปีแล้วนะครับ หมายความว่า คุณราล์ฟ ริง น่าจะเกิดช่วงปี 1934 และมีอายุประมาณ 25 ปี ในช่วงที่เขาทำงานกับโอทิสคารร์ ในเว็บไซต์ของคุณราล์ฟริง เขาได้นำภาพถ่ายจานบิน ที่โอทิสคาร์เคยสร้างไว้ มาให้ผู้สนใจได้รับชมด้วย ซึ่งข้อมูลชุดหลังนี่ ผู้บรรยายได้มาจาก เว็บไซต์ของคุณราล์ฟริงเองเลยนะครับ
ภาพจานบินที่ว่า ก็คือภาพนี้ครับ โอทิสคารร์ตั้งชื่อให้มันว่า OTC-X1 และเขียนบรรยายใต้ภาพว่า รัฐบาลสหรัฐ บังคับให้โอทิสคารร์ยุติโครงการนี้ ด้วยการทำให้เขาถูกพิจารณาคดี ที่เกี่ยวข้องกับทางการเงิน
หมายความว่า โอทิส คาร์ไม่ได้ถูกสั่งให้หยุดทำงานแบบปกติ แต่ถูกทำให้ต้องโทษแบบนั้นหรอกเหรอครับ?
แล้วทำไม โอทิสคารร์ถึงไม่ยื่นอุทธรณ์ล่ะ แล้วทำไม ช่วงเวลาที่กว่า 1 ปี ที่เขาน่าจะพอมีเวลาหาเงินมาจ่ายค่าปรับ ถึงไม่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เลย แต่ค่าปรับตั้ง 5000 ดอลลาร์มันก็เยอะมากจริงๆ นะครับ แต่มันก็ไม่น่าจะมากมายอะไร ถ้าเทียบกับคนที่กำลังจะสร้างจานบิน เพื่อบินขึ้นไปบนอวกาศ คือแบบนี้ครับ การสร้างอากาศยานอะไรก็แล้วแต่ ต้นทุนมันน่าจะสูงกว่า 5000 ดอลลาร์นะครับ เครื่องบินปกติแบบถูกที่สุด ราคาก็ปาไปตั้งสี่หมื่นดอลล่าแล้ว นี่กำลังจะสร้างจานบินเลยนะครับ ตัวต้นแบบน่าจะราคาแพงมากมายแน่ ๆ หมายความว่า เรื่องรัฐบาลสั่งขังโอทิสคาร์เนี่ย มันผิดหลักความเป็นจริง ที่อยู่ในความทรงจำ ของชายวัย 87 ปี อย่างคุณราลฟริง แน่นอนครับ
กลับมาที่ภาพถ่ายจานบินดีกว่าครับ ดูให้ดี ๆ นะครับ แม้คุณราล์ฟริง จะเคยยินยันว่า เขาได้นั่งในจานบินตัวทดลองมาแล้ว แต่ทำไมภาพนี้ มันถึงดูไม่เหมือนจานบินของจริง ก็ดูสิครับ มันวางอยู่บนโต๊ะทำงาน สังเกตที่ฐานวางจานบินก็ได้ ลายไม้และหัวน็อตสกรู ที่ยึดตัวฐานให้เป็นรูปร่างสี่เหลี่ยมนั่น น่าจะเป็นตัวอ้างอิงที่ดี ว่าขนาดของจานบินลำนี้ มันลำเล็กนิดเดียวครับ
สรุปในส่วนของคุณราล์ฟริงก็แล้วกันครับ ว่าสิ่งที่เขาโพสต์เล่าในเว็บไซต์ของเขา ไม่สามารถนำมาอ้างอิงความจริงได้ครับ ตอนนั้นเขาอายุแค่ 25 ปี ยังอยู่ในวัย ที่ไม่น่าจะใช่นักประดิษฐ์ผู้เก่งกาจ เราไม่รู้ว่าเขาพูดความจริงออกมาแค่ไหน เพราะคนวัย 87 ปี ที่ออกมาเล่าเรื่องนี้ ย่อมต้องมีจุดมุ่งหมาย มากกว่าเรื่องเปิดเผยความลับอะไรแบบนี้แน่นอนครับ ซึ่งหลังจากที่ค้นหาอยู่พักใหญ่ ผู้บรรยายก็พบเหตุผลแรกครับ นั่นก็คือ เขาเปิดรับบริจาค จุดมุ่งหมายของเงินนั้น คือนำไปสร้างความพร้อมให้คุณราล์ฟ ริง ในการเดินทางไปเล่าเรื่องของเขา และเรื่องของโอทิสคารร์ ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วสหรัฐนั่นเองครับ อีกส่วนก็ ไว้ใช้ดูแลเว็บไซต์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาแบบง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ
พูดก็พูดนะครับ ถ้าผู้บรรยายอายุซักแปดสิบปี แล้วยังมีแรงอยู่ ก็อยากมีเงินแบบเงินเดือนฟรี ๆ ไว้ใช้ท่องเที่ยวพบปะผู้คน เหมือนกันนะครับ
กลับมาที่พิมพ์เขียวของโอทิสคาร์กันดีกว่า ที่เว็บไซต์ของกูเกิลนั้น ระบุรายละเอียดของมันเอาไว้อย่างไรบ้าง
รหัสสิทธิบัตร US2912244A
ชื่อของมัน Amusement device แปลเป็นไทยแบบตรง ๆ ก็คือ อุปกรณ์สวนสนุก เอ้า.. แบบนี้ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมครับ
โอทิสคาร์ยื่นขอจดทะเบียนสิ่งนี้ เมื่อวันที่ 22 มกราคม ปี 1959
ได้รับอนุมัติในเดือนพฤศจิกายนปีนั้นเลยครับ
สิทธิบัตรฉบับนี้ มันหมดอายุไปเมื่อ 49 ปีที่แล้ว ดังนั้น การเปิดเผยต่อสาธารณชน จึงไม่ผิดต่อข้อกฏหมายใด ๆ นะครับ
มาดูที่คำอธิบาย ของเจ้าจานบินลำนี้กันครับ
โอทิส คารร์ ระบุไว้ตามนี้นะครับ
สิ่งประดิษฐ์นี้ เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุปกรณ์ เพื่อความบันเทิงทั่วไป เน้นในด้านงานสวนสนุก ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ผู้โดยสาร จะได้รับความประทับใจ จากการขับขี่ยานอวกาศ ระหว่างดาวเคราะห์
การประดิษฐ์ พิจารณาถึงความบันเทิงรูปแบบใหม่ มีการกำหนดค่าโดยรวมของยานอวกาศ โดยบางส่วน จะหมุนไปในทิศทางตรงข้ามกัน เพื่อให้เกิดความประทับใจแก่ผู้โดยสาร ในขณะที่มันกำลังเคลื่อนไหว
นอกจากนี้ ยังมีแนวคิด ที่จะทำให้มันเคลื่อนที่ขึ้นและลง และแสดงภาพยนตร์อนิเมชั่น ว่ามีสรวงสวรรค์ อยู่บริเวณด้านบนของผู้โดยสาร เพื่อให้เกิดความประทับใจ ในการเดินทางออกจากโลก และเข้าใกล้ดาวเคราะห์อันห่างไกล หรือดาวที่อยู่ใกล้ จะมีการพิจารณา เพื่อเพิ่มเติมแม่เหล็กไฟฟ้า ไปจนถึงติดตั้งหน้าต่าง เพื่อให้ผู้โดยสารได้มองออกไป สิ่งที่จำลองขึ้นทั้งหมดนี้ จะสร้างความประทับใจ ราวกับผู้โดยสารนั้น กำลังดูการทำงานภายใน ขณะที่มันกำลังบินไประหว่างดาวเคราะห์
เอาแค่นี้ก็พอจะทราบแล้วนะครับ ว่าจานบินของโอทิสคาร์ มันคือจานบินของเล่น ที่จะฉายภาพยนตร์แบบอนิเมชั่น ให้คนที่ขึ้นไปได้มองเห็นว่ามัน กำลังจะบินออกไปนอกโลก ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับว่า คุณราล์ฟ ริง ที่ออกมาให้ข้อมูลกับโปรเจกคาเมล็อต ได้อ่านสิทธิบัตรฉบับนี้หรือยัง
เพราะในส่วนท้ายของเอกสาร ระบุซ้ำแล้วซ้ำอีกครับว่า มันเป็นอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง
โดยแต่ละภาพในเอกสารนี้ ทางโอทิสคาร์ก็มีบอกด้วยนะครับ ว่าแต่ละภาพมันคืออะไร
ระบุแม้กระทั่งแม่แรงไฮโดรลิก ที่จะใช้ยกจานบินให้ลอยสูงขึ้นจากพื้นด้วย คือแบบนี้นะครับ ถ้าผู้บรรยายจำไม่ผิด สมัยเด็ก ๆ ที่เรียกว่าเด็กมาก ๆ ผู้บรรยายเคยไปสวนสนุก แล้วเคยนั่งอะไรแบบนี้เหมือนกัน แต่ที่ผู้บรรยายเคยนั่งนั้น มันเป็นจรวดครับ นั่งร่วมกับหลาย ๆ คน ด้านหน้าเขาจะฉายหนังให้ดู เป็นมุมมองแบบบุคคลที่ 1 เหมือนเราบินขึ้นไปบนอวกาศเลยครับ แต่ตอนจบเนี่ย เขาให้จรวดมันบินตกลงมาโหม่งโลก จำไม่ได้ว่าเป็นสวนสนุกที่ไหน แต่อยู่ในเมืองไทยนี่แหละครับ ตัวหนังฉายเป็นภาษาอังกฤษเสียด้วย
ผู้บรรยายว่า คุณราล์ฟริง น่าจะรู้แหละครับ ว่ามันเป็นของเล่นสวนสนุก แต่ด้วยตัวของเขา อาจต้องการขายโปรเจ็กนี้กันต่อ เลยไม่ยอมบอกความจริงว่า ภาพที่เขาเห็น ตอนเขานั่งอยู่ในจานบินของโอทิสคาร์นั้น เป็นแค่ภาพอนิเมชั่น ที่ถูกสร้างขึ้นมาเฉย ๆ
ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าทำไม หลายเว็บไซต์ในปัจจุบัน ที่นำเรื่องจานบิน ของโอทิสคาร์มานำเสนอนั้น จะเน้นว่ามันเป็นพิมพ์เขียวจานบินของจริง โดยไม่ให้ดูเลยว่า มันมีรายละเอียดจริง ๆ อย่างไร และพยายามชี้นำว่า จานบินที่ถูกถ่ายไว้นั้น คือจานบิน ที่ถูกทางการยึดเอาไว้ ซึ่งจริง ๆ มันไม่ได้ถูกยึดครับ ไม่อย่างนั้น คุณราล์ฟริง จะถ่ายภาพนี้มาให้ดูได้อย่างไร และก็ต้องไม่ลืมด้วยครับว่า ขนาดมันเล็กมาก ๆ เป็นอันเดียวกับภาพที่เว็บไซต์ต่าง ๆ นำมาให้ดูแน่นอนครับ เพียงแต่ เขาถ่ายไว้คนละมุมมอง ที่ทำให้เราเห็นชัดเจนว่า ถ้าโอทิสคารร์ทำจานบินลำนี้สำเร็จ ผู้บรรยายน่าจะได้นั่งมัน แทนเจ้าจรวดในสวนสนุก ในสมัยเด็กนั่นแน่ ๆ