"ตำนานเมือง" ใคร ๆ ก็เข้าใจว่ามันคือเรื่องเล่ายุคใหม่ ที่เกิดขึ้นจากวัยรุ่นวัยคะนองจินตนาการเรื่องราวจากในสมอง แล้วถ่ายทอดออกมาให้รุ่นน้องได้จดจำกัน แต่ใครจะรู้บ้างว่าตำนานเมืองบางเรื่องนั้น แม้มันจะไม่ใช่เรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงในอดีต แต่พอเวลาผ่านมานานวัน มันก็อาจกลายเป็นต้นกำเนิดของตำนานเมืองเรื่องจริงไปได้ !
กดเพื่อดูคลิปที่นี่ |
มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบา ๆ ในวันศุกร์สะดวกสัปดาห์นี้ เราจะเล่าเรื่องราวตำนานเมืองเรื่องหนึ่ง ที่เริ่มจากเรื่องเล่าไร้แก่นสาร แล้วกลายมาเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เพราะฝีมือของใครบางคน ว่าเรื่องนี้... มันคืออะไรกันแน่ !?
โดยเรื่องราวนั้นมีอยู่ว่า
ภาพจาก: srviver104 |
เมื่อสองปีก่อน อยู่ดี ๆ ก็มีเว็บไซต์ข่าวหวือหวาในประเทศไทยหลายแห่ง นำเรื่องราวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมสยองขวัญคดีหนึ่ง ที่ในข่าวนั้นบอกเราว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเหยื่อจำนวนมากมาย ที่หลงเดินทางผ่านมายังอุโมงค์ใต้สะพานที่เรียกว่า "โคลเชสเตอร์โอเวอร์พาส"
โดยรายละเอียดบอกเล่าเอาไว้ว่า เหยื่อหลายรายล้วนถูกทำร้ายด้วยขวานจนเสียชีวิต บางรายก็ถูกนำร่างไร้วิญญาณไปแขวนห้อยไว้ที่เพดานอุโมงค์ใต้สะพาน และระบุชื่อของฆาตกรว่า บันนี่แมน !
โดยฆาตกรรายนี้ถูกบอกเล่าจากปากคำของคนในพื้นที่ว่า มันไม่ใช่มนุษย์เหมือนกับที่เราคิด มันคือวิญญาณกระหายเลือดของชายคนหนึ่ง ที่สวมชุดกระต่ายสีขาวมีหูยาวเรียว พร้อมอาวุธในมือเป็นขวานด้ามยาวอันคมกริบ ซึ่งถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง นั่นก็หมายความว่าฆาตกรในคดีนี้ จะต้องเป็นผีจิตวิปริตอย่างแน่นอน !
แต่ทีนี้เรื่องราวของบันนี่แมนที่ถูกเล่ากันนั้น มันมีที่มาจริง ๆ จากตำนานเมืองแห่งหนึ่งที่อยู่ในรัฐเวอร์จิเนียประเทศสหรัฐอเมริกา โดยตำนานดังกล่าว มีต้นฉบับเรื่องราวที่แท้จริงกันมาอย่างไรนั้น มิติที่ 6 จะค่อย ๆ เล่าให้ฟังกันดังต่อไปนี้
บนถนนโคลเชสเตอร์ในแฟร์แฟกซ์เคาน์ตี้รัฐเวอร์จีเนีย ถนนเส้นนี้คือทางที่ใช้ในการสัญจรออกจากเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เมืองนั้นมีชื่อว่าคลินตัน มันไม่ใช่เส้นทางที่นักท่องเที่ยวคิดจะผ่านหรือเดินทางสัญจร และมีอยู่จุดหนึ่งที่ทางการตั้งชื่อของมันเอาไว้ว่า "โคลเชสเตอร์โอเวอร์พาส" ที่ในปัจจุบันมีชื่อเรียกเล่น ๆ ดูน่ารักว่า "บันนี่แมนบริดจ์" หรือที่แปลว่า "สะพานบันนี่แมน" นั่นเอง
"สะพานบันนี่แมน" |
จากรูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นก็ไม่มีอะไรบ่งบอกถึงสถานที่นี้เป็นพิเศษ มีอุโมงค์ใต้สะพานที่ทำจากคอนกรีต มีถนนกว้าง 1 เลนสำหรับสัญจรผ่าน ด้านบนก็คือเส้นทางสำหรับรถไฟจำนวน 1 เส้น เพื่อเอาไว้ขนส่งผู้คนที่ต้องใช้เส้นทางนี้ และสิ่งที่ทำให้ที่นี่ถูกพูดถึงก็คือ เรื่องเล่าตำนานเกี่ยวกับการฆาตกรรม และการทารุณกรรมสุดโหดที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ !
ซึ่งเรื่องราวของตำนานที่เรากำลังจะพูดถึงนั้นก็คือ บันนี่แมน นั่นเอง !
ในตำนานนั้นมีรายละเอียดแตกต่างกันไปในแต่ละเรื่องเล่า ที่พอจะสรุปมาเล่าให้ฟังกันได้อยู่ 2 แบบ โดยเรื่องราวใน แบบแรก จะขอเล่าให้ได้รับทราบกันดังต่อไปนี้
หลังจากโรงพยาบาลบำบัดผู้ป่วยโรตจิตแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันกับแฟร์แฟกซ์เคาน์ตี้ปิดตัวลง รถบัสจำนวนมากถูกว่าจ้างให้เข้ามาที่นี่ เพราะช่วงเวลานี้พวกเขาจำเป็นต้องย้ายผู้ป่วยจำนวนมาก ไปบำบัดต่อในสถานพยาบาลแห่งอื่น ๆ แล้วทีนี้ก็เกิดมีคนไข้อันตรายสองคนแอบหลบหนีไปในช่วงชุลมุน
พวกเขาวิ่งหนีไปในป่าที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งในเวลาต่อมาทางการก็ได้ส่งหน่วยติดตามเข้าไปค้นหาด้วยความเร่งรีบ จนเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ เจ้าหน้าที่ก็พบเบาะแส เป็นซากกระต่ายครึ่งตัวที่น่าจะถูกใครกินเข้าไป และนั่นจึงทำให้พวกเขาตื่นตัวในการค้นหาเพิ่มขึ้น
ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็พบศพผู้ป่วยที่หลบหนีในสภาพถูกแขวนคอหนึ่งราย อยู่บนขื่อของช่องอุโมงค์ใต้สะพานโคลเชสเตอร์ โอเวอร์พาส ส่วนผู้หลบหนีอีกคนไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามค้นหาสักเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถตามรอยของเขาให้พบกันได้เลย และด้วยความสัมพันธ์ระหว่างศพกระต่ายกับศพผู้เสียชีวิต จึงทำให้ทางการเรียกผู้หลบหนีที่เหลือว่า บันนี่แมน นั่นเอง
ในเวลาต่อมาก็มีบางคนคาดเดาเอาว่า บางทีชายโรคจิตคนที่เหลือนั้น อาจจะถูกรถไฟชนจนเสียชีวิตไปแล้วก็เป็นได้ นั่นจึงทำให้ชาวบ้านร่ำลือกันต่อมาจนกลายเป็นตำนานเมืองของที่นั่น ว่าตอนนี้วิญญาณของบันนี่แมนยังคงสิงสู่อยู่ที่บริเวณอุโมงค์ใต้สะพานแห่งนั้น และมันจะออกมาสังหารเหยื่อผู้บริสุทธิ์ทุกครั้งที่มีใครเดินทางผ่านมายังใต้สะพานแห่งนี้
ส่วนในตำนาน แบบที่สอง เล่าว่า ที่เมืองแห่งนี้เคยมีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง เขาคือผู้ป่วยจิตเภทที่อาศัยอยู่กับครอบครัว และในวันหนึ่งเด็กคนนี้ก็เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ไปหาชุดกระต่ายสีขาวมาสวมใส่ จากนั้นก็ลงมือสังหารสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด ก่อนที่ตัวของเขาจะแขวนคอตายอยู่ที่อุโมงค์ใต้สะพานโคลเชสเตอร์โอเวอร์พาสแห่งนี้
ต่อมาวิญญาณของเขาก็ยังคงสิงสู่อยู่ที่นี่ เฝ้าคอยสังหารผู้คนที่หลงเดินผ่านมาด้วยขวานอันเดียวกันกับที่เขาใช้สังหารครอบครัว โดยว่ากันว่ามีเหยื่อผู้บริสุทธิ์ประมาณ 32 ราย ต้องมาตายอย่างน่าอนาถกันอยู่ที่อุโมงค์ใต้สะพานแห่งนี้
และก็มีรายงานว่า นอกจากใต้สะพานโคลเชสเตอร์โอเวอร์พาสแล้ว ก็ยังมีผู้คนพบเห็นบันนี้แมนปรากฏตัวอยู่ตามสถานที่อื่น ๆ ด้วย อย่างเช่น ตามชนบทของรัฐแมรี่แลนด์ไปจนถึงย่านชุมชนในโคลอมเบีย เพียงแต่ในสถานที่ต่าง ๆ ที่ว่านี้ ก็ไม่ได้มีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นแต่อย่างใด จะมีเพียงรายงานบอกว่าบันนี่แมนนั้นเที่ยววิ่งไล่เด็ก ๆ ด้วยขวานของเขา บ้างก็ออกอาละวาดใช้ขวานไล่ทุบรถผู้คน รวมไปถึงเที่ยวทำลายข้าวของชาวบ้านให้เสียหาย
แล้วแบบนี้ตำนานบันนี่แมนจะถือว่าเป็นเรื่องจริงได้หรือเปล่า ?
คำตอบในเบื้องต้นนั้นถูกระบุออกมาว่า เรื่องราวตำนานเกี่ยวกับบันนี่แมนนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริงมาก่อนอย่างแน่นอน !
ไม่เคยมีโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยโรคจิตขั้นรุนแรงถูกสร้างอยู่ใกล้กับแฟร์แฟกซ์เคาน์ตี้ หรือเมืองคลิฟตัน ในรัฐเวอร์จิเนียมาก่อน ซึ่งเรื่องนี้ถูกยืนยันจากนักประวัติศาสตร์ชื่อ ไบรอัน เอ. คอนลีย์ ที่ได้ค้นคว้าเรื่องราวของบันนี่แมนมาอย่างเข้มข้น เขาได้อ้างถึงบันทึกต่าง ๆ ภายในห้องสมุดของแฟร์แฟกซ์เคาน์ตี้ ที่ระบุว่า
ไม่เคยมีการบันทึกเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นวิกลจริตก่อคดีฆาตกรรมล้างครอบครัวตัวเอง ไม่เคยมีใครไปแขวนคอตายอยู่ที่อุโมงค์ใต้สะพานโคลเชสเตอร์โอเวอร์พาส และนั่นก็รวมไปถึงไม่เคยมีใครสวมชุดกระต่ายสีขาวมีหูยาวเรียว ออกก่อเหตุร้ายเหมือนกับในตำนาน และยืนยันว่าไม่เคยมีการฆาตกรรมใด ๆ เกิดขึ้นแถว ๆ อุโมงค์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งไบรอัน คอนลีย์ ก็ได้สรุปในตอนท้ายแบบสั้น ๆ ว่า "มันไม่เคยมีบันนี่แมนอยู่จริง !"
แต่อย่างไรก็ดี แม้ในประวัติศาสตร์ของท้องที่แฟร์แฟ็กซ์เคาน์ตี้จะบอกเราว่ามันไม่เคยมีบันนี่แมนมาก่อนก็ตาม แต่ต่อมาในวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1970 หนังสือพิมพ์วอร์ชิงตันโพสต์ได้นำเสนอข่าวพาดหัวเอาไว้ว่า "พบชายสวมชุดกระต่ายอยู่ในแฟร์แฟกซ์เคาน์ตี้"
โดยในรายงานนั้นบอกว่า พบวัยรุ่นชายคนหนึ่งสวมชุดแฟนซีรูปกระต่าย กำลังนั่งอยู่ในรถของเขาบริเวณห่างจากถนนกูเนียไป 5,400 บล็อค หรือประมาณ 7 ไมล์ออกไปทางตะวันออกของสะพานโคลเชสเตอร์โอเวอร์พาส
โดยเหล่าพยานที่พบเห็นล้วนระบุว่า พวกเขาถูกชายสวมชุดกระต่ายหูยาวสีขาวตะโกนทักทายใส่ผู้คนที่ผ่านไปมาให้ตกใจ และชายคนนี้ก็ยังได้โยนขวานที่ทำจากไม้ไปกระแทกกับหน้าต่างรถยนต์ที่ผ่านไปมา ก่อนที่จะกระโดดหนีหายไปในความมืดตอนกลางคืน
ประมาณสัปดาห์เศษ ๆ หลังจากนั้น ชายสวมชุดกระต่ายพร้อมด้วยขวานก็ถูกรายงานว่าพบเห็นอีกครั้ง ในจุดที่อยู่ไม่ไกลจากที่พบในครั้งแรกมากนัก โดยครั้งนี้เขาถูกพบว่ากำลังยืนอยู่ที่ระเบียงบ้านที่กำลังก่อสร้างยังไม่เสร็จหลังหนึ่ง โดยคาดกันว่าชายคนนี้น่าจะปีนเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว ผ่านทางโครงหลังคาบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จนั่นเอง
โดยเนื้อหาในหนังสือพิมพ์วอร์ชิงตันโพสต์นั้น อ้างถึงปากคำจากพอล ฟิลลิปส์ ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานก่อสร้างที่นั่น ฟิลลิปส์เล่าว่าเขามองเห็นกระต่ายกำลังยืนอยู่ที่ตรงระเบียงบ้าน ฟิลลิปส์พยายามตะโกนคุยกับชายคนดังกล่าว แต่สิ่งที่เขาได้รับนั้นก็คือ ชายคนนั้นเริ่มใช้ขวานสับไปที่เสาของตัวบ้านทันที
ฟิลลิปส์พยายามตะโกนถามว่า "เจ้ากระต่าย นายเป็นคนแถวนี้ใช่หรือเปล่า ?" ซึ่งเจ้ากระต่ายนั่นก็ตอบกลับมาว่า "เขาเพิ่งลงมือใช้ขวานสับไปได้ 8 ทีเองนะ" นั่นจึงทำให้ฟิลลิปส์ตวาดกลับไปว่า "ถ้านายไม่รีบออกไป ฉันจะเป่ากระบาลนายให้แดดิ้นแน่ ๆ !"
พอฟิลลิปส์พูดจบก็เดินไปหยิบปืนพกที่เก็บไว้ในรถทันที และเมื่อเจ้ากระต่ายเห็นแบบนี้มันจึงรีบแบกขวานของมัน วิ่งหนีหายเข้าไปในป่าทันทีเช่นกัน
โดยปริศนาของเจ้ากระต่ายแห่งถนนกูเนียที่เป็นข่าวอยู่ในหนังสือพิมพ์คดีนี้ ไม่เคยมีใครสามารถตามหาตัวมาลงโทษได้ เพราะหลังจากที่มันหนีไปก็ไม่เคยหวลกลับมาอาละวาดกับใครอีกเลย
แต่ในเวลาต่อมาก็มีเหตุผลดี ๆ จากบางคน ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ว่า บางทีอาจจะเป็นต้นเหตุตำนานที่แท้จริงของบันนี่แมนก็เป็นได้ เพราะอย่างน้อยเหตุการณ์ก็เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 ซึ่งมันก็นานมากพอที่จะมีใครสักคนยกเรื่องราวของเจ้ากระต่ายกับขวานไม้ตัวนี้ ให้เป็นตำนานบันนี่แมนไปจริง ๆ สักวัน ซึ่งนั่นก็คือช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง
และข่าวจากเว็บไซต์แนวบันเทิงที่มักจะนำตำนานบันนี่แมน มาเล่าผสมปนเปกับเหตุการณ์ที่ถนนกูเนียครั้งนั้น ก็ได้ทำให้คนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่แท้จริงของมัน เข้าใจกันไปแล้วว่าบันนี่แมนนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ตำนานเมืองเรื่องเล่าเหมือนกับที่คนยุคเก่าเคยรู้กันมาอย่างแน่นอน
ตัวอย่างคอสเพลย์บันนี่แมน
ก็อย่างที่รู้ๆ กัน ถ้าหากมีใครยกตำนานเรื่องบันนี่แมนมาเล่ากันในวงสนทนา มิติที่ 6 ก็อยากก็จะบอกกับท่านผู้ชมว่า ขอพวกเราจงอย่าได้ไปทำอะไร ที่จะไปทำให้การเล่านั้นต้องหยุดชะงักไประหว่างทางจะดีเป็นที่สุด นั่นก็เป็นเพราะว่า ความจริงนั้น มันช่างไม่มีสเน่ห์... เอาเสียเลย !
แล้วอย่าลืมติดตามรายการมิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบา ๆ พร้อมกับที่มาของมันกันได้ทุกวันศุกร์สะดวก และหลังจากจบรายการแล้ว อย่าลืมกดสับสไครป์ กดไลก์ กดแชร์ และอย่าลืมทิ้งคอมเมนต์กันไว้ด้วยนะครับ ยังมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ สำหรับวันนี้... สวัสดี !
แปลและเรียบเรียงโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
ขอบคุณที่มา:
แปลและเรียบเรียงโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
ขอบคุณที่มา:
The "Rabbit" Reappears - Washington Post, 31 October 1970
FAQ: Bunnyman Bridge - ColchesterOverpass.org, 2012
แท็ก: Bunny Man, บันนี่แมน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น