10 พฤศจิกายน 2560

มิติที่ 6 ปนตีอานัก ตำนานผีสาวกระหายเลือดจากประเทศมาเลเซีย !!!


เมื่อยามค่ำคืนย่างกรายเข้ามา มันก็ได้เวลาเริ่มงานของเหล่าผีร้าย ซึ่งมันจะร้ายกันได้ขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้พวกมันต้องกลายเป็นแบบนี้ !

กดเพื่อดูคลิปที่นี่


มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบา ๆ ในวันศุกร์สะดวกสัปดาห์นี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับตำนานผีของประเทศมาเลเซีย ผีที่เกิดจากความคลั่งแค้นต่อผู้ที่ทำร้ายเธอ ว่าเรื่องนี้... มันคืออะไรกันแน่ !?

ภาพจาก: Phantom And Monsters
ปนตีอานัก เป็นชื่อที่ชาวมาเลเซียใช้เรียกผีประเภทหนึ่ง หญิงสาวผู้โชคร้ายที่ต้องเสียชีวิตไปในขณะตั้งครรภ์ ที่ในภาษาบ้านเราเรียกว่า ตายทั้งกลม ผีชนิดนี้ถูกชาวยุโรประบุว่าอยู่ในประเภทแวมไพร์ เพียงแต่วิธีจัดการกับเหยื่อของพวกเธอนั้นรุนแรงกว่าสายพันธุ์ยุโรปเป็นอย่างมาก


โดยที่มาของชื่อปนตีอานักแม้จะถูกเรียกกันในประเทศมาเลเซีย แต่เชื่อกันว่าชื่อนี้น่าจะถูกนำมาจากประเทศอินโดนีเซียมากกว่า เพราะพวกเขาน่าจะนำชื่อนี้มาจากชื่อ เมืองปนตีอานัก ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดกาลิมันตันของอินโดนีเซีย

ซึ่งชื่อเมืองแห่งนี้ก็ถูกตั้งชื่อขึ้นมาโดยสุลต่านชารีฟ อับดุลราห์มาน อัลกาดรี ที่ได้พาไพร่พลบุกเข้ามาปราบผีที่เมืองแห่งนี้ด้วยการใช้ปืนใหญ่เปิดทางปราบผีจนสำเร็จ ต่อมาท่านสุลต่านจึงได้ก่อสร้างมัสยิดและพระราชวังทับสถานที่ ๆ เชื่อกันว่าเป็นรังของผีร้าย และถือได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่แห่งแรกของเมืองปนตีอานัก

จนมาถึงปัจจุบันชาวปนตีอานักก็ยังคงระลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยการยิงกระสุนปืนใหญ่ที่ทำจากไม้ในช่วง "เราะมะฎอน" หรือ "เดือน 9" และในช่วงวันหยุดสำคัญของเมืองอีกด้วย


การจุดปืนใหญ่ที่เมืองปนตีอานัก
มีกลุ่มคนที่อ้างว่าเคยพบเห็นผีชนิดนี้ระบุไว้ว่า ปนตีอานักคือ "ผีผู้หญิงที่มีผิวสีขาวซีด เส้นผมดำยาว ดวงตาสีแดง สวมชุดกระโปรงสีขาวที่เลอะไปด้วยเลือด" ซึ่งถ้าท่านผู้ชมยังนึกภาพของเธอไม่ออกก็ลองนึกถึง "ซาดาโกะ" ผีสาวจากภาพยนตร์เรื่องเดอะริง ที่บางแห่งระบุว่าหนังเรื่องนี้เลียนแบบปนตีอานักแน่ ๆ เพราะผีซาดาโกะเพิ่งมีตามมาทีหลัง


ในตำนานนั้นบอกว่า บางครั้งปนตีอานักจะปรากฏตัวขึ้นมาในสภาพที่ดูเหมือนหญิงสาวหน้าตาสะสวย ซึ่งกลุ่มคนที่ได้พบปนตีอานักในสภาพดี ๆ ก็มักจะเป็นกลุ่มชายหนุ่มคนดีผู้น่าสงสาร แต่ถ้าเหยื่อเป็นคนชั่ว ปนตีอานักก็จะปรากฏตัวขึ้นมาในสภาพน่าเกลียดน่ากลัว แถมยังกระหายเลือดและเนื้ออีกด้วย


สำหรับช่วงเวลาออกอาละวาดของปนตีอานักนั้น เธอมักจะปรากฏตัวขึ้นในวันพระจันทร์เต็มดวง โดยจะส่งเสียงร้องโหยหวลราวกับเด็กร้องไห้ และถ้าคุณได้ยินเสียงแบบนั้นเบา ๆ ก็หมายความว่าปนตีอานักกำลังอยู่ใกล้ ๆ แต่ถ้าได้ยินเสียงร้องนั้นดังก้องกังวาลก็แสดงว่าเธอน่าจะยังอยู่ห่างไกล


แต่ถึงจะบอกแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าเธอจะหาคุณไม่พบ เพราะสุดท้ายถ้าคุณไม่คิดจะหลบหนีไปซ่อนตัว คุณก็จะได้ยินเสียงของเธอร้องไห้เบา ๆ ที่ข้างหูอยู่ดี ซึ่งถ้าถึงเวลานั้นก็คงต้องบอกว่าตัวใครตัวมันจริง ๆ


ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังมีอีกตำนานระบุไว้ต่างกันว่า ถ้าหากมีใครเริ่มได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอนตอนกลางคืนแสดงว่าปนตีอานักยังอยู่ไกลมาก แต่ถ้าอยู่ดี ๆ สุนัขเกิดครางหงิง ๆ ขึ้นมาล่ะก็ แน่นอนว่าตอนนี้ปนตีอานักกำลังเข้ามาอยู่ใกล้คุณแล้ว !


อีกสิ่งที่เราจะสามารถสัมผัสได้ก่อนที่จะเห็นตัวของปนตีอานักนั้น ก็คือกลิ่นหอมราวกับดอกลั่นทมที่โชยมาให้เราได้ชื่นใจ และทันทีที่เราสูดดมกลิ่นหอมที่ว่าเข้าไปเต็มปอด กลิ่นดังกล่าวก็จะกลายเป็นกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพทันที


ถ้าเราพบปนตีอานักแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ? คำตอบก็คือปนตีอานักจะสังหารเหยื่อของเธอโดยการใช้เล็บนิ้วมืออันแหลมคมแทงเข้าไปที่ท้อง จากนั้นก็จะควักเครื่องในออกมากิน โดยเหยื่อที่ว่าของเธอนั้นส่วนใหญ่ก็มักจะเคยมีเหตุต้องผิดใจกันอย่างรุนแรงตั้งแต่เมื่อครั้งที่เธอยังมีชีวิตอยู่

ยิ่งถ้าเหยื่อคนนั้นเป็นอดีตชายคนรักที่หักหลังเธอด้วยแล้วล่ะก็ ชายคนนั้นก็จะถูกฉีกร่างออกเป็นส่วน ๆ ซึ่งรวมถึงปิกะจู้น้อยก็จะถูกกระชากออกมาจนหลุดคามือ และยิ่งถ้าเหยื่อเผลอมองหน้าของเธอใกล้ ๆ มันก็จะดูดสมองของชายผู้โชคร้ายออกมาทางเบ้าตา ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นความโหดร้ายที่ไม่น่าจินตนาการตามเลยแม้แต่นิดเดียว


ว่ากันว่าปนตีอานักตามหาเหยื่อโดยการใช้จมูกดมกลิ่นเสื้อผ้าที่แขวนเอาไว้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวมาเลเซียบางคนเลือกที่จะไม่ยอมตากผ้าเอาไว้นอกบ้านเวลากลางคืน


ในตำนานได้ระบุเอาไว้อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ในเวลากลางวันปนตีอานักจะหลบซ่อนตัวจากแสงอาทิตย์ โดยการเข้าไปสิงอยู่ภายในต้นกล้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้เราเริ่มสงสัยว่าปนตีอานักจะเกี่ยวข้องอะไรกับผีนางตานีบ้างหรือเปล่า ? แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่มีสิ่งใดเชื่อมโยงให้เห็นกันชัดเจน


สำหรับวิธีปราบผีปนตีอานักนั้นเราสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการใช้ใช้ตะปูยาวแทงเข้าไปในปากจนทะลุคอของเธอ หลังจากนั้นปนตีอานักก็จะกลับคืนร่างเป็นสาวน้อยผู้น่ารัก และจะกลับมาเป็นภรรยาอันแสนอ่อนหวานของเราไปจนกว่าจะมีอะไรไปทำให้ตะปูนั้นหลุดออก แต่ในบางเวอร์ชั่นก็ระบุว่าการจะปราบปนตีอานักนั้น สามารถทำได้โดยการใช้ตะปูตอกไปที่หน้าผากของเธอ


มีผู้คนจำนวนมากบอกว่าพวกเขาต่างก็ได้เคยพบกับปนตีอานักมาก่อน โดยผู้คนเหล่านั้นก็ไม่พ้นที่จะอาศัยอยู่ในแถบเอเชียตะวันออก อย่างในเขตประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศใกล้เคียง แต่ภายหลังจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทางการ ก็พบว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ถูกพวกเขากุขึ้นมา
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคลิปในยูทูปคลิปหนึ่ง ที่อัพโหลดในช่วงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2010 โดยในคลิปนั้นอ้างว่าตอนนั้นเขากำลังถ่ายคลิปวิดีโออยู่กับกลุ่มตำรวจมาเลเซียกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในเมืองเบ็นตง รัฐปาหัง ประเทศมาเลเซีย

คลิปที่อ้างว่าพบปนตีอานัก (วินาทีที่ 1:11)

และในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็มีเงาร่างสีขาววิ่งผ่านไปทางนอกหน้าต่าง โดยชื่อคลิปนั้นระบุว่าเป็นปนตีอานัก เพียงแต่มันก็ไม่ได้ชัดเจนอะไร และดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่คลิปที่ถูกทำขึ้นมามากกว่า
นอกจากคลิปนี้ก็ยังมีทั้งคลิปและรูปภาพอื่น ๆ ที่ดูแล้วก็ไม่แน่ใจว่าเป็นของจริงหรือไม่ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เราต้องใช้วิจารณญาณกันว่า ทำไมผีปนตีอานักถึงอาละวาดอยู่แต่ในแถบประเทศดังกล่าว ไม่หลุดออกไปหลอกหลอนใครนอกประเทศให้เห็นเลยสักครั้ง ?


ในประเทศอินโดนีเซีย นั้นเรียกผีที่มีคุณลักษณะใกล้เคียงกันว่า "กุนตีลันนัก" โดยจุดที่แตกต่างกันนั้นก็คือการปรากฏตัวของเธอที่จะออกมาในรูปร่างของนกตัวใหญ่ เที่ยวไล่ดูดเลือดจากชายหนุ่มพรหมจรรย์

"ปนตีอานักอินโดนีเซีย"

โดยนกที่ว่านี้จะส่งเสียงร้องว่า "เคะเคะเคะ" ในช่วงเวลาที่มันกำลังบินอยู่ ซึ่งถ้าเหยื่อของมันเป็นผู้หญิง กุนตีลันนักก็จะร่ายเวทย์มนต์ทำให้เหยื่อหญิงสาวของมันต้องล้มป่วย และในเวลาต่อมาเลือดของเหยื่อก็จะทะลักออกมาจากทางอวัยวะเพศจนเสียชีวิต ในทางกลับกันถ้าเหยื่อของกุนตีลันนักเป็นผู้ชาย เธอก็จะเปลี่ยนร่างจากนกมาเป็นหญิงสาวพราวเสน่ห์ เพื่อที่จะล่อให้เหยื่อเกิดอาการหลงไหลในความสวยจนเผลอเดินเข้ามาในระยะประชิด

และเมื่อถึงเวลานั้นกุนตีลันนักก็จะเผยให้เห็นร่างกายที่แท้จริงของมัน ที่แม้ด้านหน้าจะดูเหมือนหญิงสาวพราวเสน่ห์ แต่ที่ด้านหลังกลับกลวงโบ๋ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนมนุษย์เลยแม้แต่น้อย ซึ่งพอถึงตรงนี้กุนตีลันนักก็จะเริ่มจัดการเหยื่อของเธอ ด้วยวิธีการที่ไม่ต่างจากปนตีอานักของมาเลเซียทันที  


ในประเทศอินเดีย เองก็มีตำนานคล้าย ๆ กับปนตีอานักเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาเรียกชื่อของผีสาวกันว่า "ชูเรล" ซึ่งถ้าเราสงสัยว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับชูเรลหรือไม่ ? คนอินเดียก็บอกให้เราลองสังเกตที่บริเวณเท้าของหญิงสาวคนนั้น ซึ่งถ้าลองมองดูแล้วเห็นว่าทิศทางฝ่าเท้าของเธอนั้นมันหันกลับไปทางข้างหลังผิดธรรมชาติล่ะก็ แสดงว่าอีกสักพักผีสาวชูเรลจะเปลี่ยนร่างเป็นผีดูดเลือดมาเล่นงานเราแน่ ๆ

"ปนตีอานักอินเดีย"


ในประเทศฟิลิปปินส์ ก็มีตำนานผีคล้าย ๆ กันชื่อว่า "ติยานัก" ที่มีลักษณะต่าง ๆ คล้ายคลึงกับปนตีอานักเป็นอย่างมาก เพียงแต่จุดที่ต่างกันของติยานักก็คือเธอจะเป็นผีเด็กมากกว่าจะเป็นผีแม่คนเท่านั้นเอง

"ปนตีอานักฟิลิปินส์"


ไม่ว่า "ปนตีอานัก" หรือ "กุนตีลันนัก" จะมีจริงหรือไม่ ? มันก็มีภาพยนตร์มากมายที่เล่าเรื่องของผีชนิดนี้ออกมาราวกับบ้านผีปอบ ซึ่งแต่ละเรื่องนั้นจะเป็นอย่างไร มิติที่ 6 ก็ขอแนะนำให้ท่านผู้ชมลองหาชมกันดู เพียงแต่อาจจะดูกันยากสักนิด เพราะยังไม่พบว่าเรื่องใดเคยถูกนำมาฉายเป็นภาษาไทยมาก่อน


ส่วนคำถามว่าปนตีอานักนั้นมีจริงหรือไม่ ? มันก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของท่านผู้ชมเท่านั้น เพราะมันเป็นเรื่องเล่าจากทางบ้านเมืองเขา ที่พวกเราเองก็ยังไม่เคยได้พบเจอกันแม้แต่ครั้งเดียว

ดังนั้นมิติที่ 6 ก็อยากจะทราบเช่นกันว่า มีใครที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียหรืออินโดนีเซียที่เคยพบผีชนิดนี้กันบ้างหรือไม่ ? โดยการพิมพ์ผ่านคอมเมนต์ใต้คลิปเราได้เลยนะครับ


-----------

อย่าลืมติดตามรายการมิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบา ๆ พร้อมกับที่มาของมันกันได้ทุกวันศุกร์สะดวก และหลังจากจบรายการแล้ว อย่าลืมกดสับสไครป์ กดไลก์ กดแชร์ และอย่าลืมทิ้งคอมเมนต์กันไว้ด้วยนะครับ ยังมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ สำหรับวันนี้... สวัสดี !

แปลและเรียบเรียงโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
ขอบคุณที่มา: Wikipedia

แท็ก: ปนตีอานัก, Pontianak, folklore, ผีสาว, กระหายเลือด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประกาศ

เพื่อเป็นกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเรา ขอความร่วมมือจากผู้ที่นำเรื่องราวจากมิติที่ 6 ไปใช้ในที่ของท่าน กรุณาลงเครดิตกลับมาที่เราจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ