28 มีนาคม 2561

มิติที่ 6 | 10 เรื่องหลอนจากโรงเรียนทั่วโลก ที่หลอนจนเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ !!!




ขอต้อนรับเข้าสู่ข่าวสยองขวัญวันใหม่ เปิดหัวมาแบบนี้ก็คงไม่พ้นที่เราจะต้องพูดถึงข่าวที่บอกเลยว่ามันต้องไม่ใช่ข่าวทั่วไปแน่ ๆ !!!
มิติที่ 6 สัปดาห์นี้ เราจะนำข่าวหลอน 10 ข่าว ที่เกิดขึ้นกับโรงเรียน 10 แห่งทั่วโลก พวกเขานำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไร ? โปรดวางวิจารณญาณเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเป้ แล้วมาดูกันดีกว่า ว่าทั้งหมดนั้น... มันคืออะไรกันแน่ !?
ผีโบราณในโรงเรียน
ภาพประกอบเท่านั้น

ในช่วงปี ค.ศ. 2013 สตีฟ เอลวูด ผู้อำนวยการใหญ่ ของ โรงเรียนลีวิลเลี่ยมส์ไฮสคูล ที่อยู่ในเมืองคิงแมน รัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิสไทมส์ เกี่ยวกับเรื่องผีมากมายที่ถูกลือกันไปทั่วโรงเรียน ผู้คนมากมายในเมืองต่างก็เชื่อกันว่า ในบริเวณของโรงเรียนแห่งนี้ มันมีวิญญาณของผีร้ายสิงสู่อยู่ มีรายงานการพบเห็นหญิงสาวอยู่ในชุดแพรี่ ซึ่งชุดที่ว่านี้ก็คือชุดของผู้หญิงชาวบ้านในยุคโบราณ กับชายสวมชุดโบราณในยุคก่อนคริสต์ศตวรรษ มาเข้าร่วมกิจกรรมในวันสำเร็จการศึกษาได้ยังไงก็ไม่รู้
และนอกจากนี้คนในโรงเรียนก็ยังพูดกันอีกว่า พวกเขาเคยได้พบกับปรากฏการณ์แปลก ๆ อย่างเช่นไฟกระพริบ เสียงฝีเท้าปริศนา รวมไปถึงระบบเตือนภัยหยุดทำงานโดยไม่มีสาเหตุ มีรายงานการพบชายสวมเสื้อโค้ทคลุมยาวสวมหมวกโบลเลอร์ เดินไปมาอยู่ในห้องประชุมของโรงเรียน มีคนได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องตะโกนในยามค่ำคืน เธอบอกว่าเธออยากออกไปเล่นข้างนอก นั่นก็เลยมีการขุดประวัติพื้นที่ดังกล่าวว่า ก่อนที่จะเป็นโรงเรียนมันเคยถูกใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นมาก่อน


ซึ่งชาวบ้านเองต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นป่าช้าเก่าชื่อสุสานไพโอเนียร์ และที่จู่ ๆ มันก็มีข่าวผีออกอาละวาดขึ้นมาเยอะแยะแบบนี้ ก็เพราะในช่วงปีดังกล่าว ทางโรงเรียนได้ทำการก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ แล้วทีนี้ระหว่างการขุดเจาะเตรียมดิน เหล่าคนงานก่อสร้างก็ได้พบกับหลุมศพ 7 หลุม แถมภายในหลุมก็ยังมีโลงศพอีก 7 โลง และก็ยังพบของโบราณอีกมากมายอยู่ภายใต้ชั้นดินตรงนั้น
นั่นก็เลยทำให้เหล่านักสืบเรื่องเหนือธรรมชาติ ฝ่ายที่ใช้เหตุผลมากกว่าความรู้สึก ต่างก็ลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า บางทีรายงานการพบเจอเรื่องน่ากลัวภายในโรงเรียนแห่งนี้ มันน่าจะมาจากความหวาดกลัวที่เหล่านักเรียนคิดไปเอง เพราะได้รับรู้เรื่องราวการขุดพบหลุมศพเก่าเสียมากกว่า
แต่กับคนที่ทำงานอยู่ภายในโรงเรียนทั้งวันอย่างคุณภารโรงก็ยืนยันว่า เรื่องราวทั้งหมดที่เล่านั้นเป็นความจริงต่างหาก ซึ่งเขาก็ได้ยืนยันว่า แทบจะทุกคืนเขาจะได้ยินเสียงฝีเท้าปริศนา เดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างชัดเจน แต่พอตามไปดูว่าเป็นใคร เขาก็ไม่พบอะไรอยู่ในห้องน้ำเลย และเขานี่แหละที่เป็นคนบอกว่า เขาเคยได้ยินเสียงใครบางคน ดังออกมาจากห้องเรียนในยามวิกาล ซึ่งพอเดินเข้าไปดูก็ไม่เจออะไรเช่นกัน
ที่มา: Articles.latimes.com


ผีเด็กในโรงเรียน
ภาพประกอบเท่านั้น


ในปี ค.ศ. 1912 โรงเรียน Sophie B. Wright High School คือโรงเรียนสตรีแห่งแรกในรัฐนิวออร์ลีนส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต่อมาก็ลดขนาดลงไปกลายเป็นโรงเรียนมัธยม หลังจากที่พายุเฮอริเคนแคทรินาได้บุกเข้ามาทำลายพื้นที่แถวนี้จนยับเยิน ทั้งครูและนักเรียนต่างก็ไม่มีสถานที่สอน ตัวอาคารเรียนก็ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับเจ้าหน้าที่ดูแลไปก่อน


และท่ามกลางความโกลาหลของเหตุการณ์ เหล่าภูติผีจึงเริ่มออกมาอาละวาด โดยเรื่องนี้สิบเอก โรเบิร์ต แฮริสตัน ได้บันทึกเหตุการณ์เอาไว้ในหนังสือของเขาว่า เขาเคยเห็นเงาร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังยืนอยู่ที่บริเวณทางผ่านประตูใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญ โรซาเลส เลียนอร์ ก็เคยเห็นเงาแบบนั้นอยู่ในห้องน้ำของโรงเรียนด้วย มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนาม ก็รายงานว่าตอนที่เขาเปิดตู้เก็บเสื้อผ้า เขาเคยเห็นผีเด็กหญิงออกมาล้อเล่นต่อหน้าต่อตา ซึ่งเรื่องราวน่ากลัวทำนองนี้ ต่างก็ถูกรายงานออกมาจนถี่ยิบในช่วงนั้น ซึ่งนั่นก็เลยส่งผลทำให้มีการร้องขอ ให้ทางนักบวชจากโบสถ์ใกล้ ๆ มาช่วยจัดการให้ทุกอย่างมันจบลงไปจะดีกว่า
ซึ่งก็แน่นอนว่าหลังจากที่นักบวชเดินทางกลับไป เหตุการณ์น่ากลัวทุกอย่างก็ค่อย ๆ ลดลง และโรงเรียนแห่งนี้ก็เริ่มโด่งดังขึ้นอีกครั้ง ในฐานะสถานศึกษาอันเป็นเลิศในด้านการสอน มากกว่าที่จะเป็นเลิศในด้านภูติผีปีศาจ
ที่มา: Beforeitsnews
ผีเจ้าของโรงเรียน
ภาพประกอบเท่านั้น
ในปี ค.ศ. 1952 Julia F. Callahan ผู้ก่อตั้งโรงเรียนแห่งหนึ่งที่อยู่ในเขตลินน์ รัฐแมสซาชูเซ็ต ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยหลังจากที่เธอเสียชีวิต โรงเรียนแห่งนี้ก็ได้ใช้ชื่อของเธอมาตั้งเป็นชื่อโรงเรียน นั่นก็เลยทำให้ทั้งครูและนักเรียนส่วนใหญ่ เชื่อว่าเธอยังอยู่ที่นี่ตลอดมา
หลายคนเล่าว่าพวกเขาเคยได้ยินเสียงผิวปากครองใครบางคน ดังก้องกังวาลไปทั่วโถงทางเดิน ซึ่งเมื่อพวกเขาลองเดินตามหาที่มา พวกเขาต่างก็พบว่า เสียงผิวปากนั้นมันน่าจะดังมาจากห้องใต้หลังคาแน่ ๆ และเสียงดังกล่าวมันจะเป็นของใครได้ ถ้าไม่ใช่เจ้าของห้องใต้หลังคาแห่งนั้น จูเลีย เอฟ คัลลาฮาน


นอกจากนี้เหล่าครูและนักเรียนต่างก็ล้วนยืนยันว่า พวกเขาเคยพบกับเงาร่าง ของผู้ก่อตั้งท่านนี้ปรากฏขึ้นมาตามสถานที่ต่าง ๆ ภายในบริเวณของโรงเรียนอีกด้วย
เหล่านักเรียนต่างก็ต้องขวัญกระเจิง เมื่ออยู่ดี ๆ ประตูของห้องสมุดก็กระแทกปิดเข้ามาจนเสียงดังลั่น บางคนก็ยืนยันว่า พวกเขาเคยเห็นวิญญาณของจูเลีย กำลังเปิดประตูทางเข้าของโรงเรียนกับตา เด็กนักเรียนชั้นเกรดห้าชื่อว่าราเชล เฟลิซ ก็ยืนยันว่า ในขณะที่เธอกับเพื่อนชื่อนิโคลกำลังอยู่ในห้องน้ำที่ชั้นใต้ดิน พวกเธอก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงของใครบางคน กำลังเดินอยู่ที่ชั้นบนตรงเหนือศีรษะ ซึ่งเธอกับนิโคลนั้นต่างก็มั่นใจว่า นอกจากพวกเธอแล้ว บริเวณนั้นไม่มีใครอยู่แน่ ๆ แล้วเสียงรองเท้าแบบนั้น มันจะเป็นของใครได้ ถ้าไม่ใช่ของผีจูเลีย คัลลาฮาน !
มีข้อถกเถียงที่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จูเลีย เอฟ คัลลาฮานนั้นเสียชีวิตแบบไหน ? ทำไมเธอถึงได้กลายมาเป็นผีที่ไม่ยอมปล่อยวางไปสู่สุคติกันเสียที บางคนยืนยันว่านั่นก็เป็นเพราะ จริง ๆ แล้วจูเลียเธอเสียชีวิต เพราะถูกชั้นหนังสือทั้งชั้นล้มลงมาบดร่างของเธอ แต่ก็มีบางคนยืนยันเป็นอีกแบบว่า จริง ๆ แล้วเธอเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลวมากกว่า ซึ่งจุดเกิดเหตุนั้นมันก็น่าจะเป็นในห้องทำงานของเธอ ซึ่งมันก็คือห้องใต้หลังคาของอาคารเรียนแน่ ๆ
ทางครูใหญ่ชื่อ เอ็ด เทอร์เมนน์ ผู้ซึ่งเรียกได้ว่าไม่มีใครสนใจจะคิดถึง ไม่มีแม้แต่ใครที่จะคิดว่าชายคนนี้จะเชื่อเรื่องผีเจ้าของโรงเรียนหรือไม่ เขาได้ออกมาให้ข้อมูลว่า เขาเองก็เคยเห็นวิญญาณของจูเลียเหมือนกัน โดยจูเลียที่เขาเห็นนั้น เรียกได้ว่าเป็นการปรากฏตัวในรูปแบบที่ดีงาม เขาเห็นเธอกำลังยืนมองดูเหล่านักเรียน ที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนของเธออย่างมีความสุข

ซึ่งเราก็ต้องขอชื่นชมท่านครูใหญ่คนนี้ เพราะเขารู้ว่าถึงอย่างไรเขาก็ไม่สามารถสั่งให้นักเรียนหยุดร่ำลือเรื่องผีได้แน่ ๆ สู้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสจากความน่ากลัวให้กลายเป็นเรื่องน่ายกย่องเลยดีกว่า เพื่อให้เราไปดูกันที่ข่าวต่อไปแบบไม่ต้องห่วง
ที่มา: Itemlive
ผีในหอประชุมโรงเรียน
ภาพประกอบเท่านั้น
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนแห่งนี้ ก็เรียกได้ว่าแม้แต่เหล่าครูเอง ก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับโรงเรียนของพวกเขา ที่นั่นคือ โรงเรียนเวสต์ไฮสคูล ที่อยู่ในเมืองแองคัวเรจ รัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา หลายคนล้วนยืนยันว่า พวกเขาเห็นอะไรบางอย่าง ที่ดูเหมือนกับผู้หญิงในชุดสีขาว ออกมาเดินเล่นอยู่ตามบริเวณต่าง ๆ ของโรงเรียน
โดยวิญญาณหญิงในชุดสีขาวดวงนี้ ถูกพบว่ากำลังยืนอยู่หลังเวทีของหอประชุม บางครั้งก็มีคนเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ อยู่ระหว่างที่นั่งภายในห้องโถง หลายคนเห็นเธอเดินไปมาอยู่ตามทางเดินทั้งวัน บางคนก็ไปเจอเธอกำลังยืนอยู่ในห้องโถงใต้ดินด้วย
มีผู้ดูแลเวทีนักเรียนเล่าว่า ตอนนั้นเขาจัดเก็บชุดสำหรับงานแสดงอยู่ แล้วเขาก็ได้เห็นวิญญาณเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังเปิดประตูทางเข้าหลังเวทีหอประชุม วิญญาณของเด็กคนนั้นพุ่งเข้ามาแล้วพูดกับเขาว่า “ออกไปซะ !” พอพูดจบร่างของเด็กคนนั้นก็สลายหายไปในอากาศทันที
เหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ได้เกิดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียน เขารายงานว่า ช่วงเวลาที่เขาเข้ากะทำงานอยู่นั้น เขาเห็นเงาสีขาวเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ผ่านหน้าเขาไปตรงบริเวณระเบียงทางเดินหลังห้องประชุม
และก็ยังมีการพูดถึงวิญญาณของผีอีกตน ที่มันคงยังไม่อยากจะออกจากโรงเรียนแห่งนี้ พวกเขาลือกันว่า มันเป็นวิญญาณของภารโรงคนหนึ่งที่เสียชีวิตไปนานแล้ว โดยผู้คนต่างก็พูดกันว่า พวกเขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังกวาดพื้นที่บริเวณล็อบบี้ ในช่วงเวลาที่มันไม่ควรจะมีใครอยู่ที่นั่น ในขณะที่คนอื่น ๆ ต่างก็ล้วนยืนยันว่า พวกเขาเคยได้ยินเสียงฝีเท้าของใครก็ไม่รู้ ดังก้องกังวาลไปทั่วห้องประชุมโล่ง ๆ ที่นอกจากในนั้นจะไม่มีใครแล้ว ก็มีบางคนเห็นแสงไฟกระพริบได้เองอยู่ภายในห้องนั้นด้วย


ก็เรียกได้ว่าหลอนกันไปทั้งโรงเรียน ซึ่งเราก็สงสัยแค่เรื่องเดียว ทำไมทางโรงเรียนถึงไม่ยอมซ่อมไฟ ปล่อยให้มันกระพริบหลอกหลอนผู้คน จนต้องเป็นข่าวให้เสียชื่อแบบนี้ได้ลงคอ แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นปัญหาของเขา เรามาดูข่าวของโรงเรียนต่อไปกันดีกว่า
ที่มา: ADN
ผีคนแคระจอมโหด
ภาพประกอบเท่านั้น
ครูสาวคนหนึ่งที่ทำงานในโรงเรียนประถม เอ็มก็อตจานี ของประเทศสวาซิลแลนด์ ได้ขอปฏิเสธที่จะกลับไปสอนที่นี่ในปี ค.ศ. 2013 หลังจากที่เธอยืนยันว่า เธอโดนวิญญาณของปีศาจพุ่งเข้ามาทำร้ายตอนอยู่ในโรงเรียนแห่งนั้น ครูอีกคนก็ถึงกับขอออกจากที่พักภายในโรงเรียน หลังจากที่เขารู้สึกได้ว่า ที่นั่นมันมีอะไรบางอย่างไม่ปลอดภัย


นายธูลานี่ ดลามินี่ ซึ่งเป็นครูคนหนึ่งในโรงเรียนก็รายงานว่า เขาได้เคยยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ที่เขาบอกว่ามีชายรูปร่างเล็กสี่คน พยายามจะเข้ามาบีบคอของเขา และหลังจากนั้นไม่นาน คนพวกนั้นก็เดินเข้าไปในห้องของดลามินี่ เขาจึงรู้ว่าคนพวกนี้ไม่สามารถบีบคอเพื่อนของเขาได้แน่ๆ นั่นจึงทำให้หนึ่งคนในกลุ่มนั้น ใช้เท้าเตะไปที่ตัวเพื่อนของเขา และพยายามจะกดศีรษะของเพื่อนคนนั้นอัดเข้าไปบนฟูกที่นอน เพื่อจะได้ทำให้เขาหายใจไม่ออกตายแทน
เหล่านักเรียนเองก็ล้วนได้รับประสบการณ์สยองขวัญกันไปถ้วนทั่ว มีเด็กหญิงสามคนได้เดินทางไปที่ห้องน้ำ ในขณะที่สองคนแรกเข้าไปใช้ห้องส้วมอยู่นั้น คนที่เหลือก็ยืนรออยู่หน้าประตูไปเรื่อย ๆ ตอนนั้น สองคนในห้องน้ำก็ถึงกับขนลุกซู่ เมื่อพวกเธอได้ยินเสียงกรีดร้องของใครบางคน ดังขึ้นมาจากทางรูส้วมชักโครก มันพูดถามพวกเธอว่า ทำไมถึงมาปลดทุกข์กันตรงนี้เล่า ? เด็กหญิงคนที่ยืนรอข้างนอกก็ได้ยินเสียงนั้นเหมือนกัน เธอจึงตะโกนถามไปว่าใครอยู่ในนั้นเหรอ ? เสียงปริศนานั้นก็กรีดร้องตะโกนดังขั้น จนพวกเธอไม่สามารถจะทนยืนอยู่ตรงนั้นต่อไปได้อีก นั่นก็เลยทำให้พวกเธอ รีบวิ่งกลับเข้าไปที่ห้องเรียนเพื่อบอกทุกคน
เหล่าพ่อแม่และครูอาจารย์ที่ได้ฟังเรื่องนี้จบ พวกเขาต่างก็สงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมาก บางท่านถึงกับบอกพวกเธอให้เลิกโกหก แล้วหันมาพูดความจริงดีกว่าว่าพวกเธอไปทำอะไรกันแน่ ? แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นี้จบลงไปได้ไม่นาน มันก็มีเด็กนักเรียนหญิงคนอื่น ๆ ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์แปลก ๆ คล้ายกันนี้ให้ทุกคนได้แปลกใจกันต่ออีก


ซึ่งพอเราอ่านข่าวนี้จบก็รู้สึกทึ่งไม่แพ้พวกผู้ใหญ่เช่นกัน ผีอะไรมันจะไปอยู่ในรูส้วม แถมยังมีโวยวายตอนถูกน้ำปานามารดใส่หน้าเสียด้วย แล้วก็ยังอุตส่าห์เอามาทำเป็นข่าวกันอีกเนี่ยนะ แบบนี้เราไปดูข่าวต่อไปกันดีกว่า
ที่มา: Times


ผีหลอกทั้งห้องเรียน
ภาพประกอบเท่านั้น
ซึ่งเหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากเกิดเหตุอุปทานหมู่ ของเหล่าเด็กนักเรียนหญิงจำนวน 27 คน ที่เรียนอยู่ใน โรงเรียนยานางาว่าไฮสคูล ของประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นเด็กทั้งหมดเกิดอาการหวาดผวาพร้อม ๆ กัน หลังจากที่พวกเธออ้างว่า พวกเธอได้เห็นวิญญาณพยาบาทดวงหนึ่ง
ตอนนั้นคือปี ค.ศ. 2014 มันเริ่มจากเด็กหญิงคนหนึ่ง เริ่มกรีดร้องบอกกับทุกคนว่า เธอถูกพลังงานบางอย่างครอบงำ จนทำให้ตัวเองขยับร่างกายไม่ได้ จากนั้นเด็กนักเรียนหญิงคนอื่น ๆ ก็เริ่มจะแสดงพฤติกรรมเหมือน ๆ กันออกมา นั่นก็เลยทำให้นักเรียนจากห้องอื่น รีบวิ่งออกมาจากห้องเรียนของตัวเอง เพื่อมามุงดูกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอกันแน่ เหตุการณ์ประหลาดนี้ดำเนินไปกว่าสองชั่วโมง
มีบางคนสงสัยว่าพวกเธอน่าจะถูกสิงสู่โดยวิญญาณผีหัวขาดตัวหนึ่ง เพราะตอนนั้น เด็ก ๆ เหล่านี้ล้วนตวาดด้วยเสียงน่ากลัวพูดว่า “ฆ่าฉันซะ !!!” และ “ตายซะ !!!” ก่อนที่ประตูของโรงเรียนจะถูกปิดด้วยพลังงานอะไรบางอย่าง


บางคนเชื่อว่ามันต้องเป็นฝีมือของวิญญาณเด็กหญิงหัวขาด ที่เคยถูกร่ำลือมาก่อนหน้านั้น ว่าเธอเคยออกอาละวาดอยู่แถวหุบเขาฮิโกะ กับแถวเขื่อนอาบุรางิ ซึ่งผีตนดังกล่าวนั้น ก็อาจเข้ามาสิงสู่เด็กนักเรียนเหล่านี้ ในช่วงที่ทั้งห้องเรียนของพวกเธอเคยจัดกลุ่มไปทัศนศึกษากันในบริเวณนั้น หนึ่งในนั้นคงพาวิญญาณที่ว่ากลับบ้านมาด้วย และมันก็คงตามเธอไปจนถึงโรงเรียน จากนั้นก็ออกอาละวาดใส่นักเรียนคนอื่น ๆ พร้อมกันแหง ๆ

แต่กับทางจิตแพทย์พวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไรกับอาการเหล่านี้ มันคืออุปทานหมู่ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามโรงเรียน โดยเฉพาะในชั่วโมงเรียนอันแสนน่าเบื่อ ร่วมกับช่วงบรรยากาศอันแสนอึดอัดสำหรับเด็กบางคน นั่นก็เลยทำให้มันกลายเป็นข่าวขึ้นมา ซึ่งเราก็ยังมีข่าวต่อไปมานำเสนอให้ท่านผู้ชมมาช่วยกันวิเคราะห์กันหน่อย ว่าในภาพปริศนานั้น... มันคืออะไรกันแน่ ?

ที่มา: Soranews24


ภาพถ่ายติดผีในโรงเรียน
ภาพจาก: Marcella Davis
เรื่องมันเกิดเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2013 วันนั้นมีหญิงคนหนึ่งได้นำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพหลานชาย ที่โรงเรียนไฮสคูลเคลฟแลนด์ ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเธอก็ถ่ายภาพไปได้หลายใบ จนกลับมาดูรูปทั้งหมดที่บ้าน ลูกสาวของเธอก็ทักว่าเห็นบางอย่างผิดปกติอยู่ในภาพหนึ่ง แล้วเธอก็ส่งภาพนี้ไปให้นักข่าวดู แล้วภาพนั้นมันก็ได้มาอยู่ในมือของเราแล้ว นั่นก็เลยทำให้เราต้องมาดูที่ภาพนี้พร้อม ๆ กัน


โดยในภาพนี้เราจะเห็นว่ามีวัยรุ่นคนหนึ่งยืนหันหลังให้กล้อง และวัยรุ่นอีกคนกำลังยืนถือลูกบอลสีน้ำเงินมองมาที่กล้อง และที่ข้าง ๆ วัยรุ่นคนนี้ ถ้าเรามองดี ๆ เราก็จะเห็นว่ามีเงาของใครอีกคน กำลังยืนอยู่แบบจืดจางที่บริเวณริมรั้ว โดยหลายฝ่ายที่ได้เห็นภาพนี้ต่างก็คาดเดากันว่า เงาร่างดังกล่าวน่าจะสวมเสื้อผ้าที่นิยมกันในช่วงปี ค.ศ. 1970 เพียงแต่ทำไมเขาถึงดูโปร่งแสงได้ขนาดนั้น ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะฟันธงได้ว่าเพราะอะไร
ชายในภาพสวมกางเกงเอวต่ำ และสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม มีเสื้อแจ็คเก็ตสีอ่อนสวมทับเอาไว้ โดยหญิงสาวที่ถ่ายภาพนี้ชื่อว่า มาร์เซลลา เดวิส เธอบอกว่าตอนแรกเธอก็ไม่ได้สังเกตเห็นหรอก จนกระทั้งลูกสาวของเธอมาชี้ให้ดูนั่นแหละ พอนักข่าวถามว่าเธอแอบใช้แอพแต่งภาพในมือถือมาหลอกกันหรือเปล่า ? เธอก็บอกว่าไม่รู้จักแอพแบบนั้นหรอก และเธอก็ไม่เคยรู้ว่ามันมีของแบบนั้นให้เล่นด้วยซ้ำ นี่เป็นภาพต้นฉบับของแท้เลยนะจะบอกให้


ซึ่งมันก็น่าจะจริง เธออาจไม่รู้ว่าในโทรศัพท์มือถือทุกวันนี้มันมีแอพทำภาพติดผีแบบนี้อยู่จริง ๆ แต่กับลูกสาวของเธอล่ะ จะไม่รู้เรื่องกับเขาด้วยหรือเปล่า ? เพราะในเวลาต่อมาก็มีคนนำภาพถ่ายติดผีด้วยแอพภาพหนึ่ง มาเทียบกับภาพติดผีชายโปร่งแสงในภาพ โดยเขาบอกว่าทำไมผีจากภาพของเขา มันถึงดูเหมือนกับผีในภาพนี้เสียเหลือเกิน นั่นก็เลยทำให้เราอยากขอให้ท่านผู้ชม ลืมข่าวนี้ไปเลยเสียดีกว่า คิดเสียว่าเราไม่เคยนำมาเสนอก็แล้วกัน
ที่มา: Click2houston


ผีเจ้าที่ในโรงเรียน
ภาพประกอบเท่านั้น
ในปี ค.ศ. 2014 มีผู้คนประมาณ 300 คน ต้องมาร่วมกันทำพิธีทางศาสนา ที่โรงเรียนประถมของรัฐบาลแห่งหนึ่ง ที่อยู่ในย่านท็องค์ของประเทศอินเดีย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้พวกเขามารวมตัวกันแบบนี้ มันก็เพราะก่อนหน้านั้นมีเด็กสามคนเกิดอาการหน้ามืดในชั่วโมงเรียนขึ้นมา พอสอบถามเด็ก ๆ ไป พวกเขาก็ตอบว่า พวกเขาเห็นวิญญาณของผีตัวหนึ่ง มันเป็นผีเด็กผู้หญิง มันพยายามครอบงำร่างของทุกคน ให้เข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเหตุการณ์นี้ ส่งผลทำให้เด็กนักเรียนกว่า 170 คน ต้องหยุดเรียนไปนานถึง 1 สัปดาห์เต็ม ๆ เพื่อเปิดทางให้กับพิธีกรรมปัดรังควาญ
ในช่วงขณะทำพิธีอยู่นั้น มีชาวบ้านบางคนยืนยันว่า เขาเห็นผู้ร่วมพิธีหลายคน ออกอาการเหมือนกำลังถูกเทพชื่อเทจายีเข้าสิง พวกเขาต่างพูดเตือนเหล่าพ่อแม่ของเด็ก ๆ ให้ร่วมกันทำพิธีชื่อปูจากันเป็นประจำ เพื่อจะได้มั่นใจว่าโรงเรียนแห่งนี้จะไม่มีปีศาจออกมาอาละวาดอีก


โดยพิธีปูจาที่ว่านี้ มันก็คือการไปสวดมนต์ที่ศาลเจ้าภายในโรงเรียน โดยท่านเทจายีได้บอกกับพวกเขาว่า สาเหตุที่ทำให้ปีศาจมันออกมาอาละวาดในโรงเรียนได้ ก็เพราะไม่มีใครมาสวดปูจากันมากว่า 2 เดือนแล้วนั่นเอง ซึ่งเหตุสยองขวัญที่เกิดขึ้นในโรงเรียน มันก็คือการเตือนให้ทุกคนกลับมาปฏิบัติทุกอย่างให้ถูกต้อง ซึ่งเราเองก็เลยขอแค่รับรู้เรื่องราวจะดีกว่า เพราะเรายังมีข่าวต่อไปให้ได้รับทราบกันต่อ
ที่มา: Timesofindia.indiatimes.com


ผีอาละวาดในโรงเรียน



เมื่อปี ค.ศ. 2017 โรงเรียนเดียพาร์คซีบีเอส ในเมืองคอร์กของประเทศไอร์แลนด์ ก็ได้เกิดข่าวแปลก ๆ ขึ้นในช่วงก่อนเทศกาลฮาโลวีน เมื่อมีกล้องรักษาความปลอดภัยตัวหนึ่ง สามารถจับภาพตู้ล็อกเกอร์หลายตู้กำลังสั่นไหว แผ่นกระดาษหลายแผ่นก็บินว่อนไปมา แถมประตูก็ยังกระแทกปิดได้เอง ทั้ง ๆ ที่ในภาพจะเห็นได้เลยว่า มันไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยสักคน

หลังจากท่านรองผู้อำนวยการของโรงเรียน ได้มาดูภาพฟุตเทจดังกล่าวจนจบ เขาก็ได้ให้ครูใหญ่ชื่อเคลวิน แบรี่ มาดูด้วยกัน ท่านรองบอกว่าเขาไม่เข้าใจว่าในคลิปนั้นมันคืออะไร ถ้ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง มันก็ต้องเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาแกล้งกันแน่ ๆ และแสดงความมั่นใจว่า สิ่งที่เห็นมันก็เป็นแค่เรื่องหลอกลวงเท่านั้น เพราะก่อนที่วิดีโอชิ้นนี้จะถูกทำขึ้น มันก็มีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องผีในโรงเรียนพูดกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ เรื่องของบรรยากาศที่เย็นผิดปกติ และเสียงร้องไห้ปริศนา ในบริเวณที่กล้องตัวนี้จับภาพได้นั่นแหละ
ในเดือนต่อมาก็มีคลิปวิดีโออีกชิ้นถูกแชร์ออกไปโดยทางโรงเรียน ในคลิปนั้นมีเสียงดังบางอย่างออกมาให้ได้ยินแถว ๆ ห้องร้างห้องหนึ่ง ตามด้วยภาพกระเป๋าเป้สะพาย ลอยออกมาจากเหนือบริเวณตู้ล็อกเกอร์ ตามด้วยภาพของเก้าอี้ขยับไปมาได้เอง ท่านรองผู้อำนวยการได้เห็นเข้าก็บอกทันทีเลยว่า นี่มันก็แค่การตัดต่อด้วยเทคนิคกรีนสกรีน มันเป็นของปลอมทั้งนั้น เพราะในโรงเรียนของเขา มันจะไม่มีของอะไรแบบนี้วางอยู่หลังจากที่โรงเรียนเลิกอยู่แล้ว แล้วที่มันเห็นว่ามีในภาพไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า ไปจนถึงที่วางกั้นห้ามผ่าน อยู่ดี ๆ ภารโรงจะเอามาวางตอนไม่มีคนทำไม ถ้าไม่ใช่ของที่ทำขึ้นมาแกล้งกัน


ก็นั่นน่ะสิ แถมเรื่องนี้ยังได้ถูกนำมาเสนอเป็นข่าว ที่ผู้สื่อข่าวบางคนก็มองว่าเป็นเรื่องตลกด้วยซ้ำ พอเห็นอะไรแบบนั้น เราก็เลยอยากให้มาดูข่าวสุดท้าย ว่ามันจะใช่ของจริงระดับเป็นข่าวใหญ่ สมศักดิ์ศรีโรงเรียนสุดน่ากลัวได้แค่ไหน ?
ที่มา: Today.com


โรงเรียนผีดุ
ภาพประกอบเท่านั้น

โรงเรียนแลมเบิร์ทไฮ ของรัฐนิวเจอซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กลายเป็นโรงเรียนผีดุมากที่สุดในแถบชายฝั่งตะวันออก ซึ่งก็เรียกได้ว่าเคราะห์ยังดีที่อาคารเรียนของที่นี่ได้ถูกรื้อถอนไปเรียบร้อยหมดแล้ว เพราะมีบางคนรายงานว่า พวกเขาเห็นดวงตาไฟล่องลอยไปมาอยู่แถวสนามกีฬา บางคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องปริศนา ที่ไม่รู้ว่ามันดังมาจากใครกันแน่ !


คนอื่น ๆ ก็รายงานว่า พวกเขาเห็นวิญญาณของอดีตนักฟุตบอล ที่ต้องเสียชีวิตไปเพราะอุบัติเหตุจนคอหัก ในช่วงระหว่างการแข่งขันของทางโรงเรียน และคุณแฮโรลด์ ดันน์ ผู้อำนวยการห้องสมุดคนก่อนของโรงเรียนก็เคยยืนยันว่า เขาเห็นดวงตาติดไฟสีแดงลุกโชนปรากฏขึ้นมาต่อหน้าของเขา และถ้ามีใครไปอยู่ในสนามกีฬาตอนกลางคืนกันล่ะก็ คน ๆ นั้นก็จะได้ยินเสียงปริศนาตะโกนบอกให้รีบวิ่งเดี๋ยวนี้ และนอกจากนั้นมันก็ยังมีข้อความบางอย่าง ปรากฏขึ้นพร้อมกับรูปภาพลึกลับ ถูกเขียนไว้ที่กระดานดำของห้องเรียน โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใครด้วย
ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1854 ก่อนที่จะถูกรื้อถอนออกไปทั้งหมดในปี ค.ศ. 2012 เนื่องจากตัวอาคารเกิดอุบัติเหตุไฟลุกไหม้ในปี ค.ศ. 1920 ตอนนั้นก็มีข่าวลือเล่ากันว่า มีนักเรียนจำนวน 150 คน ถูกไฟคลอกเสียชีวิตอยู่ภายในตึกนั้น ซึ่งนอกจากนักเรียนดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีครูบางท่านต้องประสบชะตากรรมแบบเดียวกัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกจารึกเอาไว้บนแผ่นศิลา ที่วางตั้งไว้เพื่อแสดงความอาลัยให้กับเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นด้วย


แถมช่วงก่อนการรื้อถอน ทางเจ้าหน้าที่ เคน โรเจอร์ ได้เข้าไปตรวจสอบสถานที่แล้วบอกกับนักข่าวว่า ถีงเรื่องเล่ามันน่ากลัวแค่ไหน ของจริงที่เขาได้ไปพบข้างในสิแน่นอนกว่า เพราะตอนที่เขาเดินสำรวจที่ชั้น 3 ของตัวอาคาร เขาก็พบว่าที่ตรงนั้น มันมีต้นไม้จำนวนหลายต้น งอกขึ้นมาจากตัวพื้นทางเดินได้ยังไงก็ไม่รู้ แล้วข่าวก็ตัดจบไปแบบดื้อ ๆ เราก็เลยไม่รู้ว่าเขาเจออะไรมากกว่านี้หรือเปล่า ? แต่เท่าที่เขาบอกมา มันก็สมควรแล้ว ที่ตัวอาคารจำเป็นจะต้องถูกรื้อถอน
ที่มา: nj.com
นั่นก็คือข่าวทั้งหมดที่บอกเราว่าในโรงเรียนมันมีผี ซึ่งถ้าเราพิจารณาดี ๆ มันก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า หลายข่าวมันเกิดจากคนในโรงเรียนนี่แหละที่เป็นผู้เล่า บางข่าวก็มาจากคนนอกโรงเรียน ซึ่งบางข่าวมันก็น่ากลัวจริง ๆ บางข่าวมันก็ไม่มีอะไรน่าเชื่อเลยสักนิด แต่ที่มันเป็นข่าวขึ้นมาได้ ก็เพราะนักข่าวต้องการจะขายข่าวของเขา บางข่าวก็แนบวิจารณญาณมาให้ บางข่าวก็สร้างเรื่องขึ้นมา
ซึ่งเราก็อยากให้ท่านผู้ชมเพ่งพิจารณาไปที่สิ่งหนึ่ง นั่นก็คือทุกวันนี้เราอยู่โรงเรียนกันนานเกินไปหรือเปล่า ? เลิกเรียนแล้วก็รีบกลับบ้านดีกว่าไหม ? กิจกรรมบางอย่างมันก็ไม่จำเป็นต้องทำกันจนมืดค่ำก็ได้ เพราะถ้าขืนอยู่กันดึกจนเกินไป เดี๋ยวโดนผีมาหลอกเข้า จะหาว่าเราไม่เตือนนะเออ !


หลังจากจบรายการมิติที่ 6 แล้ว อย่าลืมกดสับสไครป์ กดไลก์ กดแชร์ และอย่าลืมทิ้งคอมเมนต์กันไว้ด้วยนะครับ ยังมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ สำหรับวันนี้... สวัสดี !

แปลและเรียบเรียงโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
ขอบคุณที่มา: Listverse

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประกาศ

เพื่อเป็นกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเรา ขอความร่วมมือจากผู้ที่นำเรื่องราวจากมิติที่ 6 ไปใช้ในที่ของท่าน กรุณาลงเครดิตกลับมาที่เราจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ