26 มกราคม 2561

มิติที่ 6 | The Kelly Hopkinsville คืนปริศนาแห่งเคลลี่ฮอพกินส์วิลล์ !!!



ย้อนเวลากลับไปในช่วงหน้าร้อนของปี ค.ศ. 1955 ในรัฐเคนตักกี้ มีเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งที่ชื่อว่า "ฮ็อพกินสวิลล์" ตอนนั้นเวลาประมาณห้าทุ่ม มีรถยนต์สองคันวิ่งมายังสถานีตำรวจด้วยความเร่งรีบ ในรถมีผู้ใหญ่ห้าคนกับเด็กอีกจำนวนหนึ่ง พวกเขาออกมาจากรถด้วยทีท่าอันตื่นตระหนก และบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยน้ำเสียงไม่ปกติว่า...
“พวกเราต้องการความช่วยเหลือ ! พวกเราเพิ่งซัดกับมันมาตั้งสี่ชั่วโมง !!!”


กดเพื่อดูคลิปที่นี่


มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบา ๆ ในวันศุกร์สะดวกสัปดาห์นี้ เราจะนำเรื่องราวปริศนาน่ากลัวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน เรื่องราวของการเผชิญหน้ากับสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่ามันมาจากนอกพิภพ ว่าแท้ที่จริงแล้ว... มันคืออะไรกันแน่ !?


คำอธิบายต่าง ๆ ของพวกเขาต่อมาก็ได้ถูกกลุ่มนักยูเอฟโอวิทยาเรียกเหตุการณ์นี้ว่า เคลลี่ฮ็อพกินส์วิลล์เอ็นเคาน์เตอร์ หรือ การเผชิญหน้าแห่งเคลลี่ฮ็อพกินส์วิลล์ เรื่องราวของสัตว์ประหลาดตัวเล็ก ๆ ที่ลงมาจากยานอวกาศ พวกมันบุกเข้ามารุกรานถึงเรือนชานบ้านช่อง สองครอบครัวที่อยู่ในบ้านต้องป้องกันตัวด้วยการใช้ปืน พวกมันบุกกันมาหลายตัว
พวกเขาเห็นใบหน้าของมันจากทางหน้าต่าง ตัวหนึ่งแอบมาดึงผมสมาชิกในบ้าน ตัวอื่น ๆ ถูกพบว่าลอยวนเวียนอยู่รอบบริเวณ บางตัวบินลอยขึ้นไปบนหลังคา ไม่มีใครสามารถจับตัวพวกมันได้ ซึ่งเรื่องราวที่ดูแล้วน่าจะเกิดขึ้นจริงนี้ก็ส่งผลให้ทางตำรวจ รีบสนธิกำลังจากหน่วยต่าง ๆ ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น 4 นาย หน่วยพิเศษจากรัฐ 5 นาย เจ้าหน้าที่นายอำเภอ 3 นาย ที่ได้ถูกขอกำลังมาจากเขตปกครองข้างเคียง และสารวัตรทหารอีก 4 นายจากกองทัพที่ฟอร์ทแคมพ์เบล ทุกหน่วยพร้อมจะเปิดฉากการต่อสู้ครั้งสำคัญ เพียงแต่เมื่อทุกฝ่ายไปถึงที่เกิดเหตุ พวกเอเลี่ยนเหล่านี้มันก็หายตัวไปหมดแล้ว


ฮ็อพกินสวิลล์คือเมืองเล็ก ๆ ในย่านชนบทของรัฐเคนตักกี้ ส่วนเคลลี่ก็เป็นเพียงชุมชนเล็ก ๆ ที่ห่างออกไปทางเหนือไม่กี่ไมล์ ชุมชนนี้แทบจะไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ มากว่าครึ่งศตวรรษ พื้นที่แถบนี้ของรัฐเคนตักกี้ก็เป็นที่ราบลุ่ม ไม่มีเนิน ไม่มีภูเขาใด ๆ อยู่ในระยะสายตา พื้นที่ต่าง ๆ ถูกตัดแบ่งด้วยพันธุ์ไม้ธรรมชาติ

ตอนนั้น นางเกลนนี่ แลงฟอร์ด ได้อยู่ในบ้านเช่า วันนั้นลูกชายสามคนพร้อมภรรยา และเพื่อนชื่อเรย์ เทเลอร์จากเพ็นซิลเวเนียที่มาพร้อมกับลูก ๆ ได้แวะมาที่นี่เพื่อทานอาหารเย็น จนเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม บิลลี่ เรย์ก็อาสาที่จะแบกถังไปตักน้ำที่บ่อใกล้ ๆ และตอนนั้นเขาก็ได้เห็นแสงไฟกระพริบปริศนาลอยอยู่เหนือศีรษะ
โดยในเรื่องนั้นถูกระบุว่ามันคือ UFO จำนวนมาก เพราะบิลลี่ เรย์ระบุชัดเจนว่ามันคือจานบินแน่ ๆ และพวกมันก็ร่อนลงจอดตามหลังต้นไม้ และในเวลาต่อมาทุกคนในบ้านก็เริ่มได้ยินเสียงแปลก ๆ สุนัขก็เริ่มเห่า และจากปากคำในช่วงสอบสวน ลัคกี้ ซุตตันกับบิลลี่ เรย์บอกว่า ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นมันออกมาจากต้นไม้ ซึ่งพวกเขาก็ได้ใช้ปืนยิงใส่ แต่ก็ดูเหมือนพวกมันจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับลูกปืนแม้แต่น้อย พอยิงปืนต่อพวกมันก็ลอยตัวขึ้นจากพื้นแล้วหนีไป

เกลนนี่ แลงฟอร์ด (ภาพบน) และผู้อยู่ในเหตุการณ์

พวกผู้ชายรีบวิ่งไปหยิบกล่องกระสุนมาเพิ่ม ส่วนพวกเด็ก ๆ ก็รีบไปหลบอยู่ใต้ที่นอน พอได้กระสุนมาพวกผู้ชายก็รีบยิงปืนป้องกันตัวจากทางหน้าต่าง เพราะตอนนั้นพวกเขาเริ่มเห็นใบหน้าเจ้าสัตว์ประหลาด ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนที่บริเวณดังกล่าวแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่างกับสวนสนุก เพียงแต่มันไม่สนุกเพราะพวกมันทำให้ทุกคนหวาดกลัว เจ้าพวกนี้มันเป็นตัวอะไรกันแน่ !? ทุกคนพูดเหมือนกันว่า


"มันยกพวกมาประมาณ 12 -15 ตัว ดวงตาโตใหญ่ มีเสาอากาศ ตัวสูงประมาณ 1 เมตร ลักษณะผอมชลูด มีขาลับเล็กที่่ดูไร้ประโยชน์ และมีมือเหมือนมนุษย์ แถมพอยิงปืนไปโดนก็มีเสียงเหมือนกับกระสุนไปกระทบกับกระป๋องด้วย"


โดยจากคำบอกเล่าสถานการณ์อันดุเดือดของพวกผู้ชายนี้ ก็มีนางแลงฟอร์ดเพียงคนเดียว ที่ยินยันว่าสถานการณ์มันไม่ได้ตึงเครียดอะไรขนาดนั้น เธอบอกว่าเจ้าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ มันไม่น่าจะพยายามทำร้ายใครแน่ ๆ เธอแนะนำให้พวกชายหนุ่มรีบขับรถไปที่สถานีตำรวจ ซึ่งทุกคนก็ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น


หลังจากที่ตำรวจรีบยกทัพมาถึงที่เกิดเหตุแล้วไม่พบอะไร พวกเขาก็ยังคงตรวจสอบสถานที่กันต่อถึงสองชั่วโมงครึ่ง พวกเขาพบแต่ร่องรอยของกระสุนปืนที่ถูกยิงออกมาจากทางหน้าต่าง ประทับอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทั่วบริเวณ ไม่มีสัญญาณอะไรที่บอกว่าเคยมีสัตว์ประหลาดอยู่เลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่รายงานว่าพบแสงสีเขียวปรากฏให้เห็นที่บริเวณใกล้ริมรั้ว ซึ่งมันก็หายไปในวันถัดมา
รายละเอียดในส่วนนี้ถูกสันนิษฐานว่ามันน่าจะเป็นแสงสีเขียวจากฟ็อกซ์ไฟร์ ที่หมายถึงชื่อท้องถิ่นของเห็ดเรืองแสงบนไม้ที่ผุกร่อน แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ไม่สามารถนำมาใช้อธิบายกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนดังกล่าวอยู่ดี
สันนิษฐานว่าอาจเกิดจาก "เห็ดเรืองแสง" หรือ "เห็ดกระสือ"


เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายกลับมาตรวจที่บ้านแห่งนี้อีกครั้ง พวกเขาได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านของครอบครัวนี้ว่า ตอนนี้ทุกคนในบ้านออกไปเที่ยวที่เมืองอีแวนสวิลล์ ซึ่งก็แน่นอนว่าพอเจ้าหน้าที่กลับไปพวกเขาถึงได้เดินทางกลับมา และตอนตีสามของวันถ้ดมาเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนั้นมันก็กลับมาที่นี่อีก ไม่มีใครยิงปืนใด ๆ ในครั้งนี้ แต่เจ้าสัตว์ประหลาดกลับปรากฏตัวขึ้นมา พร้อมกับเสียงขูดขีดดังไปทั่วบ้าน รวมไปถึงเสียงเดินของมันที่บนหลังคาด้วย


ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเรื่องราวนี้ก็เริ่มถูกพัฒนากลายเป็นเรื่องเล่า เหมือนกับเรื่องราวเกี่ยวกับเอเลี่ยนอื่น ๆ ที่เคยได้ยินกันมาบ้างในมิติที่ 6 เช่นในเรื่อง Flatwoods monster !!!

เหตุการณ์ที่ฮ็อพกินสวิลล์ครั้งนี้ ได้กลายมาเป็นหนึ่งในสุดยอดบันทึกเหตุการณ์ใหญ่ ที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือชื่อ The Big Book of UFOs ที่ในใจความตอนหนึ่งเขียนเอาไว้ว่า...


"คดีเหตุการณ์ที่เคลลี่ฮ็อพกินสวิลล์ ถือเป็นหนึ่งในปริศนาที่มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย"




ดร.เจ อัลเลน ไฮเนค ผู้เป็นแนวหน้าของกลุ่มวิจัยยูเอฟโอได้กล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า...
"คดีเคลลี่ฮ็อพกินสวิลล์ดูเหมือนจะเป็นเหตุการณ์ผิดปกติ และไม่มีอะไรถูกต้องตามตรรกะที่ควรเป็น ซึ่งเรื่องนี้ตัวคดีถือว่ามีความน่าสนใจ และนักสืบต่าง ๆ ก็มองว่า มันคือกรณีศึกษาเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตจากนอกพิภพ"

โดยงานพิมพ์ครั้งแรกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ถูกนำมาเผยแพร่อีกครั้งในงานฉลองครบรอบ 50 ปี ของเหตุการณ์ในฮ็อพกินสวิลล์ชื่อ เทศกาลมนุษย์จิ๋วตัวเขียว เมื่อปี ค.ศ. 2005 มีการว่าจ้างนักสืบเรื่องราวลี้ลับอย่าง โจ นิคเคล แห่งเว็บไซต์ CSI Corp มาพูดถึงเรื่องราวแปลก ๆ ที่เคยเกิดขึ้น

"โจ นิคเคล" นักสืบเรื่องราวลี้ลับ

โจได้ทำการบ้านใช้เวลาหลายวันในการสอบถามพยานที่ยังมีชีวิตอยู่ และได้ค้นหาเอกสารบันทึกจากหนังสือพิมพ์เก่า รวมไปถึงหนังสือพิมพ์ชื่อ เคนตักกี้นิวอีร่า ที่เคยเผยแพร่บทความจำนวน 12 หน้า ในชื่อสั้น ๆ ว่า...
“มันมาจาก เคลลี่ !”

รวมไปถึงเอกสารรายงานเหตุการณ์พร้อมภาพวาดในสมัยนั้น โดยครั้งนี้ โจ นิเคลได้ตั้งข้อสงสัยอย่างเป็นกลาง กล่าวถึงรายงานในปี ค.ศ. 1955 จากหนังสือพิมพ์เคนตักกี้นิวอีร่า ที่ระบุว่า โจ ดอริส และ บิลลี่ เรย์ เทเลอร์ ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้เพียงว่า ตอนนั้นเขาเห็นแสงสว่างจากดาวตก แต่ในงานเขียนภายหลังของนักเขียนคนอื่น ๆ กลับบอกว่าตอนนั้นบิลลี่ เรย์ มองเห็นยานอวกาศกำลังร่อนลงจอด พร้อมกล่าวอ้างถึงผู้คนอื่น ๆ ว่า พวกเขาคือพยานในการพบเห็นลูกไฟในคืนนั้น และยืนยันว่ามันคือยูเอฟโอ
ซึ่งถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของความจริงที่สำคัญ เพราะหลายต่อหลายครั้งที่มีเรื่องราวคล้าย ๆ กันแบบนี้เกิดขึ้น ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องของอุกาบาตตก ที่จะปรากฏขึ้นมาให้เห็นเป็นแสงทางยาวอยู่เสมอ และกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปีดังกล่าวนั้น ก็เป็นช่วงที่กำลังเกิดฝนดาวตกแค็ปป้าไซนิดส์ ที่สามารถมองเห็นได้ในช่วงเดือนสิงหาคมตรงจุดบริเวณท้องที่ตรงนั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็มีการบันทึกเอาไว้เช่นกันว่า มีผู้คนในบริเวณฟอร์ทแคมพ์เบลจำนวนมาก ได้เห็นปรากฏการณ์ฝนดาวตกในช่วงเวลาเดียวกันในปีนั้น


ถ้าจะมองว่าเรื่องนี้พอจะมีหลักฐานอะไรที่ชัดเจนมากกว่าบันทึกของหนังสือพิมพ์หรือไม่ ? เพราะในงานเขียนจากนักเขียนบางคน ที่ได้ระบุว่าทางกองทัพอากาศของอเมริกา เคยบันทึกเหตุการณ์เผชิญหน้าที่ชุมชนเคลลี่ในฮ็อพกินส์วิลล์ ให้ถือเป็นการพบกับสิ่งลึกลับที่ไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ได้ และบันทึกดังกล่าวนั้นก็คือ โครงการหนังสือปกน้ำเงิน หรือ โปรเจ็กบลูบุ๊ค

ปกหนังสือบลูบุ๊ค

หมวดยูเอฟโอ

หน้าที่ 10 ระบุว่าเป็นเรื่องหลอกลวง
ซึ่งเรื่องนี้ทางนักไขปริศนาชื่อ ไบรอัน ดันนิ่ง ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือดังกล่าวว่า บลูบุ๊คที่ว่าสามารถค้นหาอ่านได้ในโลกออนไลน์ ซึ่งเขาก็ได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้จนพบ และพบว่ามันมีอยู่เรื่องนี้อยู่จริง และอยู่ในหมวดหมู่วัตถุที่ไม่สามารถระบุอัตลักษณ์หรือยูเอฟโอจริง ๆ โดยเรื่องนี้ถูกบันทึกอยู่ในหน้าที่ 10 ของหมวดดังกล่าว รายละเอียดที่ว่านั้นก็คือ...


“มันคือเรื่องหลอกลวง : มันคือหนึ่งในการปฎิบัติงานที่ต้องใช้เวลาอย่างมาก จำเป็นต้องอดทนทั้งการพบเห็นที่หลั่งไหลไม่มีวันจบ คือความเชื่ออันมั่นคง คือการหลอกลวงโดยเจตนา หลาย ๆ คนเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจ หลายคนปล่อยข่าวด้วยความชาญฉลาด”

"ไบรอัน ดันนิ่ง" นักไขปริศนาชื่อดัง
และไบรอันก็ยังได้ยกตัวอย่างจากบันทึกที่มีการให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยความห่วงใยว่า


นอกจากเรื่องเหลือเชื่อในฮ็อพกินสวิลล์แล้ว ก็ยังมีคดีอื่น ๆ ถูกลิสต์อยู่ในรูปแบบเดียวกันอย่างเช่น คดีมนุษย์จิ๋วตัวสีเขียวแห่งฮ็อพกินสวิลล์ เพียงแต่ในคดีหลังนี้ทางกองทัพอากาศไม่ได้ให้ความเห็นใด ๆ แต่อย่างไรในเบื้องต้น จากคำจำกัดความของคดีฮ็อพกินสวิลล์นั้น มันก็พอจะทำให้เขาทราบความคิดของทางกองทัพได้อยู่แล้ว
ซึ่งไบรอันก็ยังกล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่เขาพยายามจะขุดค้นให้ลึกลงไป เขาก็พบว่ามันมีเหตุผลดี ๆ ที่ทำให้ทางกองทัพอากาศปัดคดีนี้ให้อยู่ในจุดไม่สำคัญ ซึ่งไม่สำคัญที่ว่านั้นก็คือ ทางกองทัพบันทึกคดีนี้เอาไว้โดยไม่มีการระบุวันเดือนปีที่เกิดเรื่อง ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าพวกเขาไม่เคยบันทึกว่ากองทัพได้เคยส่งใครไป หรือทำอะไรเกี่ยวกับคดีนี้แม้แต่ครั้งเดียว นอกจากคำอธิบายที่ระบุว่ามันเป็นเรื่องหลอกลวง !


ส่วนเรื่องของสารวัตรทหารสี่นายที่ได้เข้ามาร่วมกับตำรวจท้องที่ เพื่อช่วยเหลือในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนนั้น จริง ๆ แล้วพวกเขามาจากกองทัพบกไม่ใช่กองทัพอากาศ และไบรอันก็ไม่พบบันทึกอะไรเลยที่ระบุว่า ใครกันแน่ที่ติดต่อร้องขอให้พวกเขามา แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจเป็นผู้ร้องขอเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธ เนื่องจากได้รับแจ้งว่าผู้ประสบเหตุต้องใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันตัวหรือเปล่า ? เพราะบันทึกที่ไบรอันพบนั้นไม่มีตรงไหนระบุไว้เลยว่า มีการขอกำลังจากกองท้พเพื่อจะไปรบกับเอเลี่ยน


นอกจากข้อมูลการติดต่อกับกองทัพแล้ว ไบรอันก็ยังพบว่ามีความสับสนเกี่ยวกับขนาดของปืนที่ผู้ประสบเหตุนำมาใช้ ที่ดูจะยิ่งใหญ่เกินกว่าความเป็นจริงที่เล่ากันมา โดยในงานฉลองห้าสิบปีดังกล่าว ทางโจ นิคเคลเอง ก็ได้ยกรายงานจากสถานีตำรวจ รวมไปถึงรายงานข่าวที่สามารถหาอ่านได้ จากหนังสือพิมพ์เคนตักกี้นิวอีร่าเมื่อปี ค.ศ. 2005 ที่ระบุว่าจริง ๆ แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเพียงรูกระสุนปืนเพียงรูเดียว ที่เกิดจากกระสุนปืนขนาด .22 โดยปืนของลัคกี้ ซุตตั้นคือปืนสั้น ส่วนบิลลี่ เรย์นั้นมีปืน .22
ซึ่งเรื่องนี้ก็มีบันทึกระบุว่า มีพยานจากบ้านรอบ ๆ ยืนยันไว้เหมือนกัน โดยเหล่าเพื่อนบ้านดังกล่าวได้ให้ข้อมูลไว้ในบันทึกของหนังสือพิมพ์ว่า พวกเขาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาทั้งสิ้น 4 ครั้ง ซึ่งตอนแรกก็ไม่มีใครสนใจอะไร เพราะนึกว่าเป็นเสียงจากพลุดอกไม้ไฟเท่านั้น


นั่นก็อาจหมายความได้ว่า จริง ๆ แล้วในคืนดังกล่าวครอบครัวที่พบกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ อาจไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เห็นมากมายนัก และก็เป็นไปได้เช่นกันว่าพวกเขาเดินทางไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจตามความเป็นจริง โดยข้อมูลจากลัคกี้ ซุตตันที่มาจากนักยูเอฟโอวิทยาต่างระบุว่า มันคือข้อมูลที่ใช้ยืนยันว่ามีเอเลี่ยนมาที่นั่นในคืนนั้นจริง ๆ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ลัคกี้จะสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นมา

Unknown Source

ไบรอัน ดันนิ่งก็ให้แง่คิดส่วนตัวของเขาว่า มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะคนเราลองได้เจออะไรผิดปกติ ย่อมไม่มีทางสร้างเรื่องอะไรมาโกหกกับทุกคนอย่างแน่นอน เพียงแต่จะมีผู้ประสบเหตุแบบไหนบ้าง ที่จะสามารถระบุรายละเอียดสิ่งที่เขาเห็นในความมืดได้อย่างถูกต้อง ซึ่งถ้าจะให้พูดกันเข้าใจง่าย ๆ ล่ะก็ เขาหมายถึงคนที่กำลังตกใจหรือตื่นกลัวนั้น จะมองเจ้าตัวที่ระบุว่าตาโตขาลีบว่ามันน่าจะเป็นตัวอะไรได้บ้าง ?


ซึ่งเรื่องนี้โจ นิคเคลได้ค้นคว้าจากข้อมูลต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับข้อมูลของนักวิจัยชาวฝรั่งเศสชื่อ รีโนด เลอเคลท ที่เคยบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เมื่อปี ค.ศ. 2001 โดยถ้อยคำของรีโนตในบันทึกดังกล่าว มันออกจะดูไม่ค่อยให้ความเคารพในเหตุการณ์นี้สักเท่าไหร่ แต่ใจความโดยรวมแล้วรีโนดได้ให้ความเห็นออกมาว่า เจ้าสัตว์ประหลาดที่คนในครอบครัวเห็นคืนนั้น แท้จริงแล้วมันคือ "นกฮูกเขาใหญ่" ขนาดตัวของมันยาวประมาณหกสิบเซ็นติเมตร
ข้อมูลที่รีโนด เลอเคลท ระบุว่าน่าจะเป็น "นกฮูกเขาใหญ่"
และในรายงานที่ระบุว่าครอบครัวนี้พบเจ้าสัตว์ประหลาดดังกล่าวเป็นจำนวน 12 ถึง 15 ตัวนั้น มันก็เป็นไปได้ว่าแต่ละคนเห็นนกฮูกตัวนี้กันคนละครั้งในเวลาเดียวกัน เพราะเราต้องไม่ลืมว่าช่วงเวลาเกิดเหตุคือตอนกลางคืน และไม่มีไฟภายนอกติดตั้งเอาไว้แม้แต่ดวงเดียว การปรากฏตัวของนกฮูกเขาใหญ่สักตัว มันก็เลยน่าจะถูกพบกันคนละครั้ง
จากข้อมูลของรีโนดได้ระบุว่าช่วงที่เกิดเหตุตรงกับเดือนสิงหาคม ตอนนั้นเป็นช่วงที่นกฮูกพวกนี้จะเริ่มออกหาอาหารไปเลี้ยงลูก และพฤติกรรมเข้าโจมตีผู้คนนั้น มันก็น่าจะเกิดจากความพยายามป้องกันตัวของมัน เพราะเป็นไปได้สูงว่า บริเวณที่ซุตตันกับเทย์เลอร์พบมัน จะมีรังนกฮูกที่มีลูกน้อยของมันอยู่ภายในนั้นด้วยแน่ ๆ เพราะตามปกตินกฮูกชนิดนี้จะออกหากินด้วยการล่าเหยื่อ ตั้งแต่ช่วงดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว


โดยทางโจ นิคเคลนั้น ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเราว่า จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลสนับสนุนเกี่ยวกับการพบเห็นจานบิน มันอาจเกิดจากความตื่นเต้นผสมกับความมืดในยามค่ำคืน โดยเหตุการณ์ในปี ค.ศ. 1955 ที่เกิดขึ้น สามารถอธิบายได้ว่ามันคือการเห็นดาวตก พร้อมกับการถูกนกฮูกออกมาโจมตีนั่นเอง


ซึ่งสำหรับมิติที่ 6 แล้ว เจ้าสัตว์ประหลาดที่ว่ามันจะเป็นนกฮูกจริงหรือเปล่า ? คำตอบก็คงต้องบอกกันตรง ๆ ว่าเราไม่ทราบ เพราะถึงแม้เหล่านักสืบปริศนาจะออกมาไขข้อข้องใจกันไปหลายประเด็นแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสามารถหาพยานหลักฐานมายืนยันคำอธิบายเหล่านี้ เพราะเรื่องมันเกิดมาแล้วตั้งหกสิบกว่าปี ก็นานมากสำหรับคนที่ยังมีชีวิตมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1955 หลักฐานยืนยันก็สูญหายไปจนหมด เหลือแต่เพียงรายงานจากหนังสือพิมพ์และหนังสือยูเอฟโอเพียงเท่านั้น


และนั่นก็เลยอยากให้เราตั้งคำถามกับท่านผู้ชมโดยการโหวตผ่านระบบสอบถามของยูทูป ด้วยการกดที่เครื่องหมาย ( i ) ว่าท่านคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชุมชนเคลลี่เมืองฮอพกินสวิลล์ดังกล่าว มันน่าจะเป็นอะไรกันแน่ ?
  • ยูเอฟโอจากต่างดาวส่งกองกำลังมาทำร้ายชาวบ้าน
  • ดาวตกและนกฮูกเขาใหญ่บินออกมาป้องกันตัวเท่านั้น

แฟนอาร์ตมนุษย์ต่างดาวที่ฮ็อพกินส์วิลล์

แล้วอย่าลืมติดตามรายการมิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบา ๆ พร้อมกับที่มาของมันกันได้ทุกวันศุกร์สะดวก และหลังจากจบรายการแล้ว อย่าลืมกดสับสไครป์ กดไลก์ กดแชร์ และอย่าลืมทิ้งคอมเมนต์กันไว้ด้วยนะครับ ยังมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ สำหรับวันนี้... สวัสดี !

แปลและเรียบเรียงโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
ขอบคุณที่มา: Skeptoid

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประกาศ

เพื่อเป็นกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเรา ขอความร่วมมือจากผู้ที่นำเรื่องราวจากมิติที่ 6 ไปใช้ในที่ของท่าน กรุณาลงเครดิตกลับมาที่เราจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ