3 มีนาคม 2560

มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ ไขปริศนาตำนานเพลงต้องคำสาป Gloomy Sunday !




ทุกๆ ครั้งที่เราได้ฟังเพลงดีๆ สักเพลง มันจะทำให้เราสัมผัสได้ถึงอารมณ์และความรูสึกที่ผู้แต่งเพลงนั้นได้ส่งผ่านมาถึงเรา บางเพลงก็ทำให้เรารู้สึกมีความสุข บางเพลงก็ทำให้เราเศร้า ซึ่งในหลายๆ ครั้ง มันก็ทำให้เราถึงกับต้องหลั่งน้ำตาออกมา เพราะมันตรงกับชีวิตเราจริงๆ

มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบาๆ ในวันศุกร์สะดวกสัปดาห์นี้ เราจะพาท่านไปรู้จักกับเพลงในตำนานเพลงหนึ่ง เพลงที่ถูกเล่าขานกันว่า มันคือเพลงต้องคำสาป เพราะไม่ว่าใครที่ได้ฟังเพลงนี้แล้ว ก็ล้วนแต่จะต้องมีอันเป็นไป ว่าเรื่องนี้... มันคืออะไรกันแน่ ?

ก่อนที่เราจะไปค้นหาที่มาของเรื่องราวนี้ มิติที่ 6 จะขอเล่าเรื่องราวที่ถูกเล่าขานกันมาให้ท่านผู้ชมได้รับทราบกันก่อน โดยมิติที่ 6 ขอสัญญาว่า เราจะไม่ใช้เทคนิคจัมป์สแกร์ หรือการแกล้งให้ท่านผู้ชมต้องตกใจในขณะที่กำลังรับชมอย่างแน่นอน


โดยเรื่องราวนั้นมีอยู่ว่า


เรสโซ่ เซเรส (Rezső Seress)

เรสโซ่ เซเรส เขาเป็นชาวฮังกาเรียนโดยกำเนิด มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1889 ถึง ค.ศ. 1968 เขาคือนักแต่งเพลงที่ต้องดิ้นรนทำมาหากิน เพราะตัวเองนั้นไม่เคยแต่งเพลงแล้วประสบความสำเร็จ ไม่เคยมีเพลงดัง ไม่เคยมีชื่อเสียง แต่หลังจากที่แฟนสาวของเขาทิ้งเขาไป จิตใจของเขาก็เข้าสู่ความหดหู่ถึงขีดสุด และมันก็ได้ทำให้เขาแต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง เพลงที่ทำให้เขาสามารถพลิกชีวิต กลายมาเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเพลงนี้ มีชื่อเพลงในต้นฉบับภาษาฮังกาเรียนก็คือ วีเก อา วีแลกน็อก (Vége a világnak) ที่แปลว่า จุดจบของโลก และต่อมาชื่อเพลงก็ได้ถูกตั้งขึ้นใหม่เป็น โซโมรู วาลแชนัพ (Szomorú vasárnap) ที่หมายความว่า วันอาทิตย์ที่แสนจะมืดมน หรือในภาษาอังกฤษก็คือ Gloomy Sunday นั่นเอง

โน๊ตเพลงดังกล่าว

ในตอนแรกนั้น หลังจากค่ายเพลงหลายแห่งได้เห็นเนื้อเพลงนี้ พวกเขาก็ล้วนบอกว่าไม่รู้จะซื้อเอาไปทำอะไรได้ เพราะความหมายของเพลงนี้มันสุดแสนจะหดหู่เป็นอย่างมาก แต่ในที่สุดก็มีค่ายเพลงแห่งหนึ่งตัดสินใจซื้อไป โดยหลังจากที่มันก็ได้ถูกเรียบเรียงและบันทึกเสียงออกเผยแพร่ในปี ค.ศ. 1933 มันก็กลับกลายเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ขึ้นมา เพราะมันได้รับความนิยมถูกเปิดไปทั่วบ้านทั่วเมือง

และด้วยความดีใจที่เขาสามารถแต่งเพลงดังขึ้นมาได้สำเร็จ เรสโซ่ เซเรส จึงได้พยายามติดต่อกับอดีตแฟนสาวของเขา ผู้เป็นแรงบันดาลใจในการที่ทำให้เขาแต่งเพลงนี้ขึ้นมา โดยเขาพยายามขอให้เธอหวลกลับมาคืนดี แต่กลับกลายเป็นว่า ในวันต่อมาแฟนสาวของเขาก็ฆ่าตัวตายไปด้วยวิธีการกินยาพิษ ทิ้งแผ่นกระดาษโน้ตเพลงไว้แผ่นหนึ่ง ภายในนั้นเขียนคำเอาไว้เพียงสองคำว่า "กลูมี่ซันเดย์"

จนเวลาผ่านไปเพลงกลูมี่ซันเดย์เพลงนี้ ก็กลายมาเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดการฆ่าตัวตายอย่างมากมายในประเทศฮังการี โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 17 รายนั้น มีสองคนยิงตัวตายในขณะที่กำลังฟังเพลงนี้ อีกจำนวนหนึ่งเลือกที่จะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในแม่น้ำ และในมือของพวกเขาทุกคนล้วนกำแผ่นกระดาษโน้ตเพลงกลูมี่ซันเดย์เอาไว้ในมือทุกราย


นั่นจึงทำให้ผู้คนเริ่มกล่าวขานและเรียกชื่อเพลงนี้ว่า "เพลงแห่งการฆ่าตัวตายของชาวฮังกาเรียน" แทนชื่อเดิมของมัน และยังมีข่าวลือว่าเพลงนี้มันคือเพลงต้องคำสาป ที่ใครได้ฟังแล้วจะต้องมีอันเป็นไปอีกด้วย

ต่อมาทางการของประเทศฮังการีจึงได้ออกประกาศห้ามเล่นเพลงนี้ในที่สาธารณะ แต่อย่างไรก็ตาม ประกาศนี้ก็ไม่สามารถที่จะลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายลงได้เลย

ในกรุงเบอร์ลินประเทศเยอรมนี มีหญิงสาวเจ้าของร้านคนหนึ่งได้ตัดสินใจแขวนคอตายไปอย่างลึกลับ และที่บริเวณเท้าของเธอนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพบแผ่นโน้ตเพลงกลูมี่ซันเดย์วางอยู่ ส่วนในนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มีเจ้าหน้าที่ตำแหน่งเลขาธิการหญิงคนหนึ่ง ฆ่าตัวตายไปด้วยการรมแก๊ส โดยสิ่งที่เธอได้เขียนสั่งเสียเอาไว้นั้นก็คือ ให้ช่วยเล่นเพลงกลูมี่ซันเดย์ในงานศพของเธอด้วย


ในกรุงเวียนนาประเทศออสเตรีย มีเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง เธอคิดสั้นด้วยการออกไปกระโดดน้ำตายอย่างไร้สาเหตุ โดยภายในมือของเธอนั้นยังคงกำแผ่นโน้ตเพลงนี้เอาไว้

ในกรุงบูดาเปสของประเทศฮังการีเอง ก็มีหญิงสาวเจ้าของร้านคนหนึ่งฆ่าตัวตาย แล้วทิ้งกระดาษโน้ตเขียนเนื้อเพลงนี้เอาไว้เช่นกัน

และในกรุงลอนดอนของประเทศอังกฤษ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตไปเพราะรับประทานยาเกินขนาด ในขณะที่กำลังนั่งฟังเพลงนี้ซ้ำไปซ้ำมา

ความน่ากลัวของเพลงนี้ได้ถูกเล่าขานออกไปทั่วโลก และมันก็มีผลทำให้ค่ายเพลงของประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสินใจที่จะซื้อความโด่งดังนี้ โดยพวกเขาได้ทำการแปลเนื้อเพลงกลูมี่ซันเดย์ ออกมาเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ โดยหลังจากการออกวางจำหน่ายได้ไม่นาน ก็มีผู้คนมากมายฆ่าตัวตายเพราะมันเพิ่มขึ้นไปอีก

โดยหนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่ม เขาได้เดินเข้าไปเที่ยวที่ไนท์คลัปแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ขอให้วงดนตรีของที่นั่น ช่วยเล่นเพลงฆ่าตัวตายเพลงนี้ แล้วเขาก็หยิบปืนขึ้นมาจ่อที่ศรีษะ จากนั้นลั่นไกระเบิดสมองของตัวเอง หลังจากที่เพลงนี้เพิ่งเล่นไปได้เพียงพักเดียวเท่านั้น

ต่อมาก็มีชายอายุ 82 ปีคนหนึ่ง นำแผ่นเสียงของเพลงกลูมี่ซันเดย์เพลงนี้ มาเล่นกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงของเขา จากนั้นเขาก็กระโดดออกไปทางหน้าต่างของห้องที่อยุ่บนชั้นเจ็ดของตึก ตกกระแทกลงสู่พื้นข้างล่างเสียชีวิตทันที


และในช่วงหน้าหนาวของกรุงโรมประเทศอิตาลี ก็มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังขี่จักรยานอยู่ดีๆ บนท้องถนน พอเขาได้ยินเสียงเพลงกลูมี่ซันเดย์ ดังมาจากวณิพกที่กำลังร้องเพลงนี้อยู่ข้างทาง เด็กชายคนนี้ก็หยุดรถจักรยานของเขาทันที แล้วเขาก็เดินไปที่วณิพกคนนั้น เด็กชายมอบเงินทั้งหมดที่ตัวเองมีให้กับเขา จากนั้นก็วิ่งไปที่สะพานแล้วกระโดดลงไปยังคลองที่กลายเป็นน้ำแข็งเพื่อฆ่าตัวตาย

ในช่วงต้นของยุคปี ค.ศ. 1940 เพลงนี้ก็ได้ถูกสั่งห้ามเปิดในประเทศอังกฤษ เพราะถูกมองว่ามันเป็นเพลงที่ทำให้เกิดความหดหู่ใจแก่ผู้ที่ได้รับฟังเป็นอย่างมาก และกว่ามันจะได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปจนเข้าสู่ยุคปี ค.ศ. 2002 ไปแล้ว

แม้กระทั่งผู้แต่งเพลงนี้ขึ้นมา เขาก็ไม่สามารถจะหนีคำสาปของเพลงตัวเองได้พ้น เรสโซ่ เซเรส ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวจากข่าวการฆ่าตัวตายของผู้คนมากมาย และคำสาปของเพลงนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับเขา โดย เรสโซ่ เซเรส ได้พูดว่า

“ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ท่ามกลางความตาย ทั้งๆ ที่ผมประสบความสำเร็จ แต่ก็กลับถูกผู้คนกล่าวหา มันทำให้ผมเจ็บปวด จนถึงกับต้องร้องไห้ออกมาตลอดเวลา ท่ามกลางความสิ้นหวังของผมต่อเพลงนี้ และมันก็ดูเหมือนว่าทุกๆ คนล้วนสัมผัสได้ ว่าเพลงนี้มันทำให้พวกเขาเจ็บปวดเช่นกัน”

โดยในปี ค.ศ. 1968 เรสโซ่ เซเรส ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ด้วยการกระโดดออกไปทางหน้าต่างของอพาร์ทเมนต์ที่อยู่ในกรุงบูดาเปสนั่นเอง

หลุมฝังศพของ "เรสโซ่ เซเรส"

จนเวลาผ่านไปนานหลายปี เพลงกลูมี่ซันเดย์เพลงนี้ก็ได้ถูกบันทึกเสียงร้องใหม่ตลอดมา จากนักร้องมากมายหลายคน ไม่ว่าจะเป็นบิลลี่ ฮอลิเดย์, เรย์ ชาร์ลส์, ซีนีเอ็ด โอ คอร์เนอร์, เอลวิส คอสเทลโล่, ซาร่า แมคลาคแลน, ซาร่า ไบรท์แมน, ฮีทเธอร์ โนวา และบีจอร์ค

ดังนั้น ถ้าคุณอยากจะฟังเพลงกลูมี่ซันเดย์ขึ้นมาล่ะก็ โปรดจงระมัดระวังตัวกันเอาไว้ให้ดี


--จบ--




เรื่องเล่าน่ากลัวจากเพลงกลูมี่ซันเดย์เรื่องนี้ เป็นหนึ่งในเรื่องเล่าสยองขวัญที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริงของยุคสมัยปี ค.ศ. 1933 เกี่ยวกับเพลงที่สามารถผลักดันให้ผู้ฟังต้องตัดสินใจฆ่าตัวตายไปเป็นจำนวนมาก แต่ทีนี้เรื่องราวคำสาปในเพลงกลูมี่ซันเดย์เพลงนี้ มันเป็นจริงหรือไม่ ?

แท้ที่จริงแล้วเพลงกลูมี่ซันเดย์ หรือที่ถูกเรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่าเดอะฮังกาเรียนซุยซายซอง หรือเพลงฆ่าตัวตายของชาวฮังกาเรียนเพลงนี้ ถูกแต่งขึ้นมาโดยนักเปียโนและนักแต่งเพลงชื่อ เรสโซ่ เซเรส จริงๆ และเพลงนี้ก็โด่งดังขึ้นมาจากกระแสการฆ่าตัวตายของคนที่ได้รับฟังจริง โดยในปี ค.ศ. 1936 มันถูกแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษโดยแซม เอ็ม ลิวอิส ซึ่งเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน และมันก็ถูกขนานนามว่า เป็นเพลงต้องคำสาปจริงๆ

เพียงแต่ว่า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1935 เรื่อยมาจนถึงปี ค.ศ. 2016 นั้น กลูมี่ซันเดย์ได้ถูกบันทึกเสียงผ่านเสียงร้องของนักร้องมากมายกว่า 86 ครั้ง มันก็ได้ทำให้มิติที่ 6 รู้สึกแปลกใจว่า ทั้งๆ ที่มันเป็นเพลงต้องคำสาป แล้วทำไมมันถึงยังคงถูกนำมาบันทึกเสียงใหม่ วางจำหน่ายตลอดมาแทบจะทุกปี ปีละหลายๆ รอบกันแบบนี้ได้

ฉลากแผ่นเสียงที่ระบุใต้เพลงว่า มันคือเพลงที่ชาวฮังกาเรียนฟังแล้วฆ่าตัวตาย

นั่นจึงทำให้มิติที่ 6 ต้องย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของประเทศฮังการี ในยุคสมัยที่เพลงนี้ออกวางจำหน่ายไปเลย มันก็น่าจะทำให้เรามีคำอธิบายอะไรออกมากันได้บ้าง

โดยหลังจากที่ตรวจสอบแล้วก็พบว่า ในยุคสมัยปี ค.ศ. 1930 นั้น ประเทศฮังการีมีสถิติการฆ่าตัวตายค่อนข้างสูงเป็นอย่างมากจริงๆ เพียงแต่สาเหตุการฆ่าตัวตายนั้นมันก็มีมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งถ้าจะให้มองว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาจากเพลงอาถรรพ์เพลงนี้ เราก็คงต้องมาดูที่เนื้อเพลงกันสักนิด

ประเทศฮังการีมีคนฆ่าตัวตายระดับได้รับฉายาว่า "เมืองแห่งการฆ่าตัวตาย"

โดยใจความของเพลงกลูมี่ซันเดย์เพลงนี้ ได้กล่าวถึงชีวิตอันแสนมืดมนที่ไม่สามารถจะหลุดพ้นออกมาได้ง่ายๆ โดยในตอนท้ายเพลงเนื้อเพลงได้สรุปเอาไว้ว่า

"สุดที่รัก ฉันหวังว่าความฝันที่ฉันเล่ามาทั้งหมดนี้ มันคงจะไม่ทำให้เธอต้องหวาดกลัว เพราะหัวใจของฉันนั้นอยากจะบอกเธอว่า ฉันต้องการเธอ"

นั้นหมายความว่าแท้ที่จริงแล้ว ใจความของเพลงกลูมี่ซันเดย์เพลงนี้มันก็คือเพลงรักอกหัก ที่ผู้แต่งอยากจะบอกไปถึงคนรักของตัวเอง ว่าเขารักเธอมากมายจนขาดเธอไม่ได้

แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรว่า ทุกคนที่ฆ่าตัวตายนั้นล้วนเกิดตกอยู่ในความเศร้าจากเพลงรัก จนถูกอาถรรพ์ในเพลงครอบงำจนต้องคิดสั้น แต่มันก็ต้องมีบ้าง ที่จะมีคนคิดฆ่าตัวตายเพราะฟังเพลงนี้ เพียงแต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนอย่างแน่นอน

ในส่วนของ เรสโซ่ เซเรส ที่ในเรื่องเล่าว่าเขาเองนั้นก็ฆ่าตัวตายไปเพราะเพลงนี้เช่นกัน มันก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เพียงแต่มันไม่ใช่การฆ่าตัวตายเพราะฟังเพลงของตัวเอง เนื่องจากมีการบอกเล่าจากคนสนิทของ เรสโซ่ เซเรส ที่ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากข่าวการเสียชีวิตของเขา โดยบอกว่าตัวของเรสโซ่ เซเรส เองนั้นมีความเครียดเกิดขึ้นมาเนื่องจากตั้งแต่เพลงกลูมี่ซันเดย์โด่งดังขึ้นมา เขากลับไม่สามารถที่จะแต่งเพลงใหม่ให้ดีกว่า หรือแม้แต่จะดีเทียบเท่าเพลงนี้ได้อีกเลย ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้มาตลอดสามสิบห้าปี จนกระทั่งวันที่เขาฆ่าตัวตาย

ข่าวการเสียชีวิตของเรสโซ่ เซเรส กับสาเหตุการฆ่าตัวตายที่แท้จริง

ส่วนข่าวในประเทศอเมริกาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายเพราะเพลงนี้ มันก็มีการนำเสนอออกมาจริง เพียงแต่ก็มีนักประวัติศาสตร์ได้ออกมาอธิบายว่า แม้ในข่าวจะพยายามเชื่อมโยงสาเหตุการตาย ว่ามันล้วนมาจากเพลงอาถรรพ์เพลงนี้ แต่ในความเป็นจริงมันก็มาจากการพยายามเสนอข่าวเพื่อเน้นยอดขายเป็นส่วนใหญ่ โดยในช่วงแรกที่เกิดการเสียชีวิตไปของแต่ละคนนั้น ก็ล้วนไม่สามารถพิสูจน์ได้ในทันทีกันสักเท่าไหร่ แต่เหล่าหนังสือพิมพ์ต่างๆ กลับรีบนำเสนอข่าวเหล่านี้ออกไป และพยายามชี้นำว่าพวกเขาล้วนฆ่าตัวตายเพราะฟังเพลงกลูมี่ซันเดย์เพียงเท่านั้น

ซึ่งก็แน่นอนว่า มิติที่ 6 เองก็ได้หาเพลงคำสาปนี้มาฟัง ผ่านเว็บไซต์ยูทูปไปหลายรอบแล้วเช่นกัน แต่ก็ไม่ปรากฏว่าเราจะรู้สึกอยากกระโดดตึกตายแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่สำนักงานของเราตั้งอยู่บนตึกมีลานดาดฟ้าเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ถึงขนาดเปิดเพลงฟังอยู่ริมหน้าต่างก็ยังไม่คิดว่าการเอาตัวเองลงไปกระแทกพื้นข้างล่างมันจะน่าลิ้มลองเลยแม้แต่เพียงเสี้ยววินาที

ดังนั้นเรื่องเล่าเรื่องนี้มันก็คือเรื่องจริง แต่ในเรื่องจริงมันก็ยังมีเรื่องจริงอีกด้านซ่อนอยู่ และเพลงนี้มันก็มีคุณค่ามากพอ ที่จะโด่งดังไปได้ทั่วโลก

ซึ่งในประเทศไทยเองนั้นก็เคยมีเพลงอาถรรพ์แบบนี้เช่นกัน เพลงนั้นชื่อว่า ไม่อาจเปลี่ยนใจ ของศิลปินดังยุคนั้นชื่อเจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ที่เคยร้องเอาไว้ในอัลบั้มที่สองของเขาชื่อ ไซเรนเลิฟ ออกวางจำหน่ายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 โดยสมัยนั้นมีเด็กวัยรุ่นจำนวนหนึ่งตัดสินใจฆ่าตัวตายไปเพราะความเศร้า ที่เนื้อเพลงไปตรงกับชีวิตของตัวเอง และมันก็ได้ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงอมตะ แต่กลับถูกนำมาร้องใหม่น้อยครั้ง โดยไม่ทราบว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไรเช่นกัน


นั่นหมายความว่า "เพลง" หากมันเป็นเพลงเศร้า มันก็สามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจได้อย่างแน่นอน เพียงแต่สภาพจิตใจของเราในขณะที่กำลังฟังเพลงในแต่ละเพลงนั้น เรายังมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ดีกันอยู่หรือเปล่า ซึ่งสุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับการที่เราไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องจมอยู่กับความทุกข์ รู้จักหักอกหักใจจากเรื่องเศร้าหมองที่ต้องประสบพบเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้นเอง

ซึ่งเราสามารถทำได้ ด้วยการไม่พยายามเก็บตัวอยู่เพียงคนเดียว ในขณะที่สภาพจิตใจย่ำแย่ และควรระลึกอยู่เสมอว่า อย่าเอาชีวิตไปแลกกับความผิดหวัง เพราะมันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย !

อย่าลืมติดตามรายการมิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบาๆ พร้อมกับที่มาของมันกันได้ทุกวันศุกร์สะดวก หลังจากจบรายการแล้ว อย่าลืมกดสับสไครป์ กดไลก์ กดแชร์ หรือทิ้งคอมเมนต์กันไว้ด้วยนะครับ ยังมีเรื่องราวต่างๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ สำหรับวันนี้ สวัสดี


เรียบเรียงและบรรยายโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
3 มีนาคม 2560

ขอบคุณที่มา : Scaryforkids และ Wikipedia

แท็ก : Gloomy Sunday, กลูมี่ซันเดย์, The Hungarian Suiceide Songเดอะฮังกาเรียนซุยซายซอง, เพลงต้องคำสาป, Vége a világnak, วีเกอา วีแลกน็อก, Szomorú vasárnap, ซโมรู วาลแชนัพ, Rezső Seress, เรสโซ่, เซเรส, แรเฌอ, แชแร็ชช์

1 ความคิดเห็น:

  1. อยากฟังเป็นคลิป แต่หาคลิปไม่เจอในยูทูป เลยเข้ามาอ่านบทความครับ T^T

    ตอบลบ

ประกาศ

เพื่อเป็นกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเรา ขอความร่วมมือจากผู้ที่นำเรื่องราวจากมิติที่ 6 ไปใช้ในที่ของท่าน กรุณาลงเครดิตกลับมาที่เราจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ