3 กุมภาพันธ์ 2560

มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ ไขปริศนา "Well to Hell" เทปบันทึกเสียงจากขุมนรก !!!




ทำดีได้ขึ้นสวรรค์ ทำชั่วต้องลงนรก เราเคยได้ยินคำสอนแบบนี้กันมาตั้งแต่เด็ก และมันก็เคยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราประพฤติตนเป็นคนดี แต่เมื่อเราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านเข้ามามากมาย มันก็ทำให้เราหลงลืมคำสอนเหล่านี้ และใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันต่อไปอย่างไร้ศรัทธา


คลิกเพื่อดูคลิปที่นี่
มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ กับเรื่องราวเบา ๆ ในวันศุกร์สะดวกสัปดาห์นี้ เราจะพาไปพบกับเรื่องราวที่ถูกขอมาเรื่องหนึ่ง เรื่องราวของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ได้พบกับสิ่งลี้ลับบางอย่าง ที่พวกเขาสามารถบันทึกเสียงเอาไว้ได้ และสิ่งนี้มันก็ได้ปลุกสำนึกผิดชอบชั่วดีของมวลมนุษยชาติให้กลับมาอีกครั้ง ว่าเรื่องนี้...มันคืออะไรกันแน่ !!?


ก่อนจะตามหาที่มาของเรื่องเล่าเรื่องนี้ให้ท่านผู้ชมรับทราบนั้น เราจะขอเล่าเรื่องราวที่ถูกเล่าขานกันมาให้ท่านผู้ชมได้ทราบกันก่อน โดยเรื่องราวนั้นมีอยู่ว่า


ในปี ค.ศ. 1960 ทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียทีมหนึ่ง ได้ทำการขุดเจาะลงไปยังใต้พื้นดินในแถบไซบีเรีย หลุมดังกล่าวมีความลึกกว่า 14.4 กิโลเมตร เพื่อจะได้สำรวจลงไปยังแกนกลางและตรวจสอบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีของเปลือกโลก นำทีมโดย ดร. อซาคอฟ ที่มาพร้อมกับเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพที่สุดในสมัยนั้น


ภาพที่อ้างว่าเป็น "ดร. อซาคอฟ และทีมงาน"
เมื่อเริ่มเดินเครื่องขุดเจาะยังไม่ทันไร พวกเขาก็ได้พบกับความประหลาดใจแรก โดย ดร. อซาคอฟ ได้พูดในเวลานั้นว่า “คำอธิบายเดียวที่มีในตอนนี้ก็คือ ใจกลางโลกมันมีพื้นที่โล่งอยู่แน่ ๆ” และความประหลาดใจที่ตามมาก็คือ อุณหภูมิที่ร้อนแรงกว่า 1,100 องศาเซลเซียส ที่แผ่ออกมาจากสถานที่ ๆ ทำการสำรวจแห่งนั้น ซึ่ง ดร. อซาคอฟได้ชี้ให้เห็นว่า สิ่งนี้มันมาไกลเกินกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้ มันดูราวกับเป็นไฟนรกที่กำลังแผดเผาอยู่ในใจกลางของโลกเลยทีเดียว

ภาพจาก Tormod Sandtorv

และในการสำรวจครั้งสุดท้ายมันก็ได้ทำให้พวกเขาต้องตกตะลึง เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงที่ถูกส่งมาจากไมโครโฟนพิเศษที่มีความสามารถในการทนความร้อนสูง พวกเขานำมันมาใช้สำหรับเฝ้าฟังการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก ที่ได้ติดตั้งมันไว้ในหลุมดังกล่าวตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ซึ่งสิ่งที่พวกเขาได้ยินนั้น มันไม่ได้เป็นเสียงที่พวกเขาหวังเอาไว้ว่าจะได้ยินมัน
และมันก็ได้ทำให้เหล่านักวิทยาศาสตร์เกิดความหวาดกลัว ที่จะต้องเดินหน้าโครงการนี้กันต่อไป เพราะตอนแรกพวกเขาเชื่อว่าเสียงดังกล่าว มันน่าจะเป็นเพียงความผิดพลาดในการปรับแต่งอุปกรณ์ ดังนั้นพวกเขาจึงได้นำมันกลับมาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างสามารถทำงานได้ถูกต้อง แล้วพวกเขาก็มั่นใจว่า สิ่งที่ได้ยินนั้นมันคือความมหัศจรรย์
โดยหนึ่งในทีมสำรวจบอกว่า สิ่งที่ได้ยินนี้มันทำให้ทุกคนถึงกับกลัวจนตัวสั่น มันคือเสียงของมนุษย์ที่กำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และที่ได้ยินนั้นก็ไม่น่าจะเป็นเสียงของคนเพียงคนเดียว มันเป็นเสียงของคนนับพันกำลังร้องโหยหวล และบางทีจำนวนคนที่ร้องนั้นอาจจะมากถึงนับล้านคนเลยก็เป็นได้


และมันก็มากพอที่จะเป็นเหตุผลให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ตกลงใจยกเลิกโครงการนี้ไป โดยในเวลานั้น ดร. อซาคอฟเองก็พยายามจะเก็บหลักฐานที่พบทั้งหมดไว้เป็นความลับ แต่สุดท้ายเทปบันทึกเสียงนี้ก็ยังไม่ได้ถูกทำลายไป
โดยในปี ค.ศ. 1989 เรื่องราวทั้งหมดรวมถึงเทปบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ได้ถูกนำมาเปิดเผยทางสถานีโทรทัศของช่องทรินิตี้บรอดคาสติ้งเน็ตเวิร์ก โดยเรื่องราวทั้งหมดสามารถยืนยันได้จากหนังสือพิมพ์เก่าแก่ของประเทศฟินแลนด์ฉบับหนึ่ง


มีการคาดคะแนกันว่าสถานที่ ๆ ใช้ทำการทดลองแห่งนี้มันน่าจะตั้งอยู่ในแถบโคลาเพนินซูล่า ที่อยู่บริเวณชายหาดทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศรัสเซีย เพียงแต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นสถานที่ดังกล่าวจริงหรือไม่ แต่อย่างไรแล้วตัวเทปบันทึกเสียงดังกล่าวนั้น มันก็น่าจะทำให้เรารู้ว่าสิ่งนี้มันยิ่งใหญ่และน่ากลัวเพียงไร


-----จบ----


เสียงจากขุมนรกที่ถูกบันทึกได้ในไซบีเรีย หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า "Well to hell" นี้ เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่มีผู้คนมากมายนำมาถ่ายทอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยพูดถึงกลุ่มนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งที่ได้พบกับเสียงของคนกรีดร้องผ่านการบันทึกเสียงจากไมโครโฟนชนิดพิเศษ ที่พวกเขานำมาใช้บันทึกเสียงในงานธรณีวิทยา โดยมีการสรุปเอาไว้ว่าเสียงบันทึกดังกล่าวนั้น คือเสียงบันทึกจากขุมนรกที่อยู่ในแกนกลางของโลก


ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่เรื่องราวนี้ ถูกเผยแพร่ลงตามเว็บไซต์ของต่างประเทศหลายแห่ง มันก็ได้เข้ามาถึงประเทศไทยพร้อมกับคลิปเสียงบันทึกดังกล่าว ซึ่งมิติที่ 6 จะขอแชร์ให้ท่านผู้ชมได้ฟังกันที่คลิปด้านล่างนี้ครับ



คลิปต้นฉบับ "เสียงของมนุษย์ที่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด"




เรื่องราวเสียงบันทึกจากขุมนรกนี้ มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?


ในตอนท้ายของเรื่องราวต้นฉบับนั้น มีการกล่าวถึงหนังสือพิมพ์เก่าแก่ฉบับหนึ่ง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวนี้ก็คือ หนังสือพิมพ์ชื่อแอมเมนนุแซสเทีย (Ammennusastia) ซึ่งเป็นวารสารที่ถูกตีพิมพ์เผยแพร่โดยกลุ่มสมาชิกชาวคริสเตียนจากหมู่บ้านเลวาสโจกี้ (Leväsjoki) ในเขตเทศบาลเมืองซีไคเน็น (Siikainen) ของประเทศฟินแลนด์


โดยริช บิวเลอร์ (Rich Buhler) นักจัดรายการวิทยุเกี่ยวกับศาสนา และเป็นบาทหลวง นักพูด นักแสดงชาวอเมริกา ได้เคยขอสัมภาษณ์บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว และพบว่าเรื่องราวเสียงบันทึกจากขุมนรกเรื่องนี้มีที่มาจากจดหมายข่าวฉบับหนึ่ง ที่เคยลงพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ชื่ออีเทลล่าซัวเมน ซึ่งก็น่าจะหมายถึงนิตยสารอีเทลล่าซัวเมนซาโนมัทของประเทศฟินแลนด์เช่นกัน

"ริช บิวเลอร์" นักจัดรายการวิทยุเกี่ยวกับศาสนา
โดยเมื่อริช บิวเลอร์ได้ติดต่อทางจดหมายไปยังผู้ที่เขียนเรื่องนี้ เขาก็พบว่าเจ้าของเรื่องนี้ได้เคยวาดภาพประกอบเรื่องราวเอาไว้ในจดหมายข่าวหนังสือพิมพ์ของชาวคริสเตียนฉบับหนึ่งชื่อวาเอลตายัต (Vaeltajat) ที่ออกตีพิมพ์เรื่องนี้ไว้เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1989 เช่นกัน โดยทางบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวระบุว่า ต้นฉบับของเรื่องราวนี้จริง ๆ แล้วพวกเขาได้คัดลอกมันมาจากหนังสือพิมพ์ชื่อจิวเวลส์ออฟเจอริโคของกลุ่มเมสเซียนิคยิว หรือผู้นับถือศาสนาคริสต์ชาวยิวในแคลิฟอร์เนียประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง
ข่าวของหนังสือพิมพ์ "อีเทลล่าซัวเมน" ที่มาของต้นเรื่อง

พอริช บิวเลอร์สืบมาจนถึงจุดนี้ เขาก็หยุดการตามหาต้นฉบับจากแหล่งอื่นต่อไปทันที เพราะปัจจุบันเรื่องราวนี้ยังคงถูกเผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ ไปจนถึงเว็บไซต์แนวเรื่องราวปริศนากันอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะอเมริกาหรือทั่วโลก แต่กลับพบว่าที่มาจริง ๆ ก็ย้อนกลับมาที่ประเทศแห่งเสรีภาพทางความคิด เจ้าของเรื่องราวแปลกประหลาดของโลกมากมายอย่างสหรัฐอเมริกาเหมือนเดิมนั่นเอง


โดยเรื่องราวนี้เคยถูกนำมาออกอากาศในสถานีโทรทัศน์ทรินิตี้บรอดคาสติ้งเน็ตเวิร์กจริง ๆ ซึ่งสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ก็คือช่องเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ของประเทศอเมริกา คล้าย ๆ กับสถานีโทรทัศช่อง DMC ของวัดธรรมกายในประเทศไทยนั่นเอง โดยเนื้อหาที่ถูกนำมาเล่านั้นได้เน้นไปถึงการมีอยู่จริงของขุมนรกภายใต้โลกใบนี้


ต่อมาก็มีชายคนหนึ่งชื่อว่าเอจ เรนดาเลน เขามีอาชีพเป็นอาจารย์ชาวนอร์เวย์  ที่ได้ยินเรื่องราวนี้ผ่านสถานีโทรทัศน์ดังกล่าว ในช่วงที่เขาเดินทางมายังประเทศสหรัฐอเมริกา เขามองว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อใช้หลอกลวงประชาชนเท่านั้น เพียงแต่มันก็มีคุณค่ามากพอที่จะทำให้เรื่องราวนี้ถูกพูดถึงกันต่อไป นั่นจึงทำให้เรนดาเลนตัดสินใจจะเพิ่มมูลค่าให้กับเรื่องราวนี้
เอจ เรนดาเลน (Aage Rendalen) จึงเขียนจดหมายส่งไปทางสถานีโทรทัศน์ว่า จริง ๆ แล้วเขาไม่เชื่อในเรื่องราวที่ถูกเสนอนี้เลย แต่เมื่อเขาเดินทางกลับไปยังนอร์เวย์ เขาก็ได้พบกับข่าวนี้อีกครั้งทางหนังสือพิมพ์ และมั่นใจว่าถ้ามันคือขุมนรกจริง โลกนี้ก็น่าจะกำลังถึงกาลอวสาน และมันก็ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวถึงสองคืนติด ๆ กัน เพราะเขาฝันเห็นลูกไฟและเสียงกรีดร้อง จนเขาได้ยอมจำนนแก่พระผู้เป็นเจ้าและมอบชีวิตให้พระองค์ช่วยรักษาไว้
และเรนดาเลนก็ได้ดำเนินแผนการต่อด้วยการจงใจดัดแปลงเรื่องราวต้นฉบับจากข่าวภาษาโซเวียต นั่นก็คือข้อความว่า
"ความน่ากลัวที่เกิดขึ้นในโซเวียต การส่งเสียงผ่านมาทางการบันทึกดังกล่าว มันน่าจะเป็นการส่งเสียงผ่านแก๊สที่พ่นขึ้นมาจากจุดนั้น และท่ามกลางม่านหมอกอันหนาทึบ ก็ได้ปรากฏปีกค้างคาวเพื่อเผยตัวตนของมัน"
โดยสิ่งที่เรนดาเลนกล่าวนี้ เขาจงใจให้ทางสถานีโทรทัศน์เข้าใจว่า มันคือสัญลักษณ์ของปีศาจที่ปรากฏออกมาให้เห็นนั่นเอง และยังบอกว่าหลังจากนั้นทางการโซเวียต ก็ได้ให้ยาลบความทรงจำแก่เหล่ากลุ่มนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมดอีกด้วย


จากนั้นเรนดาเลนก็แปลมันกลับไปเป็นภาษานอร์เวย์ โดยตั้งหัวข้อพูดถึงการจัดหน่วยตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว จากนั้นก็ส่งมันแนบไปพร้อมกับจดหมายเวอร์ชั่นแปลเป็นภาษาอังกฤษของเขาให้กับทางสถานีทรินิตี้บรอดคาสติ้งไปอีกต่อหนึ่ง โดยเรนดาเลนได้ระบุชื่อและนามสกุลจริงของตัวเอง พร้อมที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ แถมยังได้แนบรายชื่อของเหล่าเพื่อนบาทหลวงของเขา ที่ล้วนรู้เห็นกับการหลอกลวงครั้งนี้ว่าพวกเขากำลังทำการตรวจสอบความจริงของเรื่องราวทั้งหมดกันอยู่


พอจดหมายดังกล่าวส่งมาถึงสถานีโทรทัศน์ทรินิตี้ มันก็ได้ถูกนำออกอากาศเสนอต่อผู้ชมทันที โดยไม่ได้มีการตรวจสอบที่มาแต่อย่างใด


ต่อมาเรื่องราวนี้ก็ได้ถูกนำมาเล่าต่อกันต่างออกไปมากมายหลายเวอร์ชั่น ไม่เว้นแม้แต่ใน คริปปี้พาสต้า โดยใช้ชื่อเหมือนกันทั้งหมดว่าเวลล์ทูเฮลล์ โดยในปี ค.ศ. 1992 หนังสือพิมพ์แทบลอยด์รายสัปดาห์ชื่อ วีคลี่ย์เวิรลด์นิวส์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ประเภทบันเทิง เจ้าเดียวกันกับที่เคยนำเสนอเรื่องยูเอฟโอตกที่เกาะหงส์ในประเทศไทย ที่มิติที่ 6 เคยเล่าไว้ในรายการสดครั้งที่ 6 ก็ได้นำเสนอเรื่องราวนี้ในอีกเวอร์ชั่น โดยเปลี่ยนเรื่องราวให้เป็นเรื่องของนักขุดเหมืองแร่ในอลาสก้า 13 คน ที่เสียชีวิตไปทั้งหมดหลังจากได้ยินเสียงของซาตานคำรามมาจากขุมนรกใต้พิภพ


ซึ่งอย่างไรแล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนี้ แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้นมา แต่มันก็มาจากเจตนาอันแรงกล้าที่จะทำให้มนุษย์อย่างเราคำนึงถึงความดีและความชั่ว เพียงแต่ภายหลังมันกลับถูกดัดแปลงเรื่องราวออกไป ราวกับว่าผู้ที่ทำแบบนั้นมีจุดประสงค์ทางด้านธุรกิจแอบแฝงอยู่ และมันก็ยังคงวนเวียนถูกนำเสนอแบบไร้เหตุผลกันต่อมา โดยเรื่องนี้จะจบลงเมื่อไหร่นั้น มิติที่ 6 เองก็ไม่สามารถจะบอกได้เช่นกัน


เวลาที่มีใครนำเรื่องราว "เทปบันทึกเสียงจากขุมนรก" หรือ "Well to Hell" เรื่องนี้มาเล่ากันในวงสนทนา มิติที่ 6 ก็อยากจะบอกกับท่านผู้ว่า จงอย่าได้ไปทำอะไรที่จะทำให้การเล่าเรื่องนั้นต้องหยุดชะงักไปเลยจะดีที่สุด นั่นก็เป็นเพราะว่าความจริงนั้น มันช่างไม่มีเสน่ห์..เอาเสียเลย

ภาพจาก Rawscience TV

พบกับรายการมิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญกับเรื่องราวเบา ๆ พร้อมกับที่มาของมันกันได้ทุกวันศุกร์สะดวก และหลังจากจบรายการแล้ว อย่าลิมกดสับสไครป์ กดไลก์ กดแชร์ หรือทิ้งคอมเมนต์กันไว้นะครับ ยังมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ สำหรับวันนี้ สวัสดี


เรียบเรียงและบรรยายโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประกาศ

เพื่อเป็นกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเรา ขอความร่วมมือจากผู้ที่นำเรื่องราวจากมิติที่ 6 ไปใช้ในที่ของท่าน กรุณาลงเครดิตกลับมาที่เราจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ