15 กรกฎาคม 2559

มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ ไขปริศนาตำนานผีสาวปากฉีก "คุจิซะเกะ อนนะ"




ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 เป็นต้นมา ในประเทศญี่ปุ่นได้เกิดเรื่องราวที่เล่าขานถึงตำนานความน่ากลัว ที่ทำให้ผู้คนที่เดินอยู่ตามท้องถนนต้องอกสั่นขวัญผวา กับประสบการณ์ที่พวกเขาจะต้องได้พบเจอกับผีสาว ที่ใบหน้าของเธอมีรอยฉีกยิ้มยาวเกือบจรดรูหู

ภาพประกอบทั้งหมดไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญกับเรื่องราวเบา ๆ ในวันศุกร์สะดวกสัปดาห์นี้ เราจะพาท่านผู้ชมไปพบกับเรื่องราวที่อ้างว่า มีชาวญี่ปุ่นมากมายได้พบเจอ "ผีสาวปากฉีก" ว่าแท้ที่จริงมันคืออะไรกันแน่ ?

ตำนานของผีสาวปากฉีกนั้น เป็นเรื่องราวตำนานที่ถูกเล่าขานกันมาจากประเทศญี่ปุ่น ที่พูดถึงหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงสาวที่ถูกสามีที่เป็นซามูไรใช้มีดดาบของเขาฟันเข้าไปที่บริเวณปาก จนเป็นรอยแผลฉีกยาวตั้งแต่ปากไปจนถึงใบหู แล้วปล่อยให้สิ้นใจตายไปต่อหน้าต่อตา ด้วยสาเหตุเพียงเพราะความหึงหวงกลัวว่าเธอจะปันใจให้ชายอื่น


ตั้งแต่นั้นมา วิญญาณของเธอก็ยังคงวนเวียนคอยหลอกหลอนชาวบ้านละแวกนั้น วิญญาณที่ยังเต็มไปด้วยความคลั่งแคล้น และอิจฉาผู้คนทั่วไป ที่ไม่ได้ประสบพบกับชะตากรรมเช่นเดียวกับเธอ


โดยทุก ๆ ค่ำคืนที่มีหมอกลงจัด มักจะมีผู้คนเล่าขานกันว่า เธอสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าครึ่งล่างคอยยืนดักคนที่โชคร้ายเดินผ่านมา และเมื่อถึงตอนนั้นเธอก็จะปรากฏตัวแล้วเข้าไปถามว่า

ฉันสวยไหม ?"
ถ้าเราตอบไปว่า “สวย” เธอก็จะดึงหน้ากากที่เธอใส่ออก เพื่อให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง ใบหน้าที่มีแผลบริเวณปากฉีกเป็นทางยาวไปจนเกือบจะถึงใบหู ซึ่งเหมือนรอยยิ้มอันน่าสยดสยอง บาดแผลที่สามีเธอได้จารึกมันเอาไว้บนใบหน้าของเธอ พร้อมด้วยคำถามต่อไป

“แล้วแบบนี้ล่ะ ?”
ถ้าเราตอบว่า “ไม่สวย” เธอก็จะใช้กรรไกรของเธอ ตัดปากของเราให้กลายเป็นแผลเช่นเดียวเหมือนกับเธอ แต่ถ้าเราตอบว่า “สวย” เธอก็จะหายตัวไป จนเมื่อเราเดินทางกลับมาถึงหน้าบ้าน วิญญาณของเธอก็จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับใช้กรรไกรของเธอ ทำในสิ่งเดียวกัน นั่นก็คือตัดปากของเราจนเป็นรูปรอยยิ้มฉีกยาวไปจนถึงใบหูจนเสร็จ แล้วเธอก็ค่อยๆ หายตัวไป


วิธีที่จะสามารถรอดจากเธอได้นั้น เราต้องตอบเธอไปว่า “ก็ดูปกติดีนะ” มันก็จะทำให้เธอเกิดสับสนขึ้นมา จากนั้นเราก็ต้องรีบหนีให้พ้น ไม่ก็ส่งลูกอมสีสวย ๆ ให้ แล้วพูดว่า “โพมาเดะ” หรือ งหายไป เป็นจำนวนหกครั้ง มันจะทำให้เธอหนีไปเอง


เรื่องราวการพบกับผีสาวปากฉีกนี้ มีผู้พบเห็นเธอมากมายตั้งแต่ช่วงปลายยุคปี ค.ศ. 1970 มาจนถึงช่วงปี ค.ศ. 2000 โดยเธอมักจะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเด็ก ๆ ที่ยังไร้เดียงสาที่ไม่ว่าจะตอบว่าสวย หรือไม่สวย ก็จะถูกเธอสังหารด้วยกรรไกรคู่นั้นของเธออยู่ดี

-----จบ-----
หลังจากอ่านเรื่องราวนี้จบ มิติที่ 6 ก็เดาได้ทันทีว่าเรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่ถูกใช้ในการเล่าให้เด็ก ๆ ชาวญี่ปุ่น ที่ชอบเถลไถลหรือหนีเที่ยวเล่นอยู่นอกบ้านจนมืดค่ำ ให้หวาดกลัวจนไม่กล้าจะทำแบบนั้นกันอีกเสียมากกว่า แต่ไหน ๆ เราก็รู้จักเธอกันแล้ว มิติที่ 6 ก็เลยลองค้นหาที่มาเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ท่านผู้ชมรับทราบว่า ตำนานของผีสาวปากฉีกนี้ ว่ามันเริ่มต้นขึ้นจริง ๆ เมื่อไหร่กันแน่ ?


และจากการตรวจสอบเรื่องราวผีสาวปากฉีก ว่ามันได้ถูกพูดถึงขึ้นมาเป็นอย่างมากเมื่อไหร่นั้น มิติที่ 6 ได้พบว่า ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นได้มีการพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างมากมายในแถบเมืองโกริยาม่า จังหวัดฟุกุชิมะ, เมืองฮิระสุกะ จังหวัดคานากาวา, เมืองคุชิโร จังหวัดฮอกไกโด และเมืองนีซา จังหวัดไซตามะ โดยมันถูกเล่ากันอยู่ในกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งมันก็ได้สร้างความน่ากลัวเป็นอย่างมาก

ซึ่งครั้งแรกที่เรื่องราวของผีสาวปากฉีก ได้ถูกนำมาเผยแพร่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้น มันได้ถูกเขียนลงในหนังสือพิมพ์ อาซาฮีรายวัน ฉบับวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1979 และ วารสารอาซาฮีรายสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 มิถุนายน ปีเดียวกัน โดยอ้างถึงข่าวลือในปี ค.ศ. 1978 ของหญิงชราคนหนึ่ง ที่ได้พบเจอกับสาวปากฉีกในช่วงระหว่างเดินทางกลับบ้าน

ต่อมาในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 1979 ก็ได้มีหญิงสาวคนหนึ่ง แต่งตัวเป็นสาวปากฉีกเที่ยวไล่หลอกหลอนชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาบนถนนในเมืองฮิเมะ จังหวัดเฮียวโกะ แถบคันไซ และสุดท้ายเธอก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวได้ในข้อหาพบอาวุธของมีคมในที่สาธารณะ ซึ่งอาวุธที่ว่านั่นก็คือกรรไกรนั่นเอง และต่อมาในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1979 เรื่องราวของผีสาวปากฉีกก็ยังคงถูกลือกันไปอย่างมากมาย


ซึ่งเรื่องราวจริง ๆ มันก็น่าจะเกิดขึ้นมาจากหลาย ๆ ที่มา โดยตั้งแต่สมัยปี ค.ศ. 1754 ยุคที่ซามูไรยังเรืองอำนาจของ ตระกูลโกโจ ซึ่งปัจจุบันก็คือจังหวัดกุโจ ยุคสมัยที่ชาวบ้านมักจะถูกเหล่าซามูไรกดขี่ข่มเหง ไล่ฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณ โดยมีเหยื่อซามูไรบางคน ถูกสังหารด้วยดาบซามูไรที่บริเวณปาก และมันถูกนำมาเล่าขานกันต่อ เพื่อไม่ให้เด็ก ๆ แอบหนีออกไปเที่ยวนอกบ้านเวลาพลบค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พวกซามูไรออกมาเที่ยวดื่มกินตามสถานที่ต่าง ๆ นั่นเอง


เพราะต้นฉบับของเรื่องเล่านี้จริง ๆ นั้น ได้ถูกเล่าไว้สั้น ๆ คล้ายกับเรื่องที่มิติที่ 6 ได้นำมาเล่า เพียงแต่มีการเพิ่มสิ่งที่จะทำให้ผีสาวรู้สึกสับสนด้วยลูกอมเป็นการโยนเงินใส่เธอ จากนั้นก็ให้รีบวิ่งหนีไป


โดยนอกจากเรื่องเล่าแล้ว ในปี ค.ศ. 1970 หนังสือพิมพ์อาซาฮีก็ยังเคยทำข่าวเกี่ยวกับกรณีเด็ก ๆ ที่เดินกลับจากเรียนกวดวิชาในย่านกิฟูจนมืดค่ำ แล้วได้กลับมาเล่าเรื่องราวที่พวกเด็กถูกผีสาวปากฉีกไล่ทำร้าย โดยข่าวดังกล่าวทำให้เหล่าพ่อแม่ของเด็ก ๆ ได้พูดลือกันไปเป็นวงกว้าง ซึ่งนักข่าวในสมัยนั้นก็ได้ติดตามสืบข่าวจนพบว่า แท้ที่จริงแล้วหญิงสาวคนดังกล่าว เป็นคนไข้ในโรงพยาบาลบ้า ที่หลบหนีออกมาเที่ยวทำร้ายผู้คนนั่นเอง โดยพฤติกรรมของหญิงคนดังกล่าวได้ถูกอธิบายไว้ว่า ในทุกคืนก่อนที่เธอจะออกอาละวาดนั้น เธอจะทาลิปสติกที่บริเวณปากจนเลอะเทอะไปทั่วใบหน้าครึ่งล่าง ซึ่งนั่นก็ทำให้ผู้คนที่ได้พบเจอกับเธอต่างก็ตระหนกตกใจกลัวขวัญกระเจิง และจดจำใบหน้าในยามค่ำคืนนั้นกลับมาเล่าจนผิดเพี้ยนไปจากความจริง


และในปี ค.ศ. 1990 เรื่องราวของผีสาวปากฉีก ก็กลับมาเป็นที่ร่ำลืออีกครั้ง โดยในยุคนี้เป็นยุคของการทำศัลยกรรมพลาสติกบนใบหน้า ซึ่งก็เคยมีข่าวในญี่ปุ่นที่พูดถึงหญิงสาวที่เสียโฉมจากการทำศัลยกรรมจนมีลักษณะปากที่ฉีกขาดยาวเช่นเดียวกับสาวปากฉีก แต่มันก็เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น


และในกิฟุ ก็ยังมีข่าวอุบัติเหตุในวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1968 เกิดเหตุรถบัสวิ่งตกลงไปในแม่นำฮิดะ โดยมีหญิงผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่ง เสียชีวิตในลักษณะเดียวกันกับสาวปากฉีก และประชาชนที่อยู่ในที่เกิดเหตุได้นำเรื่องนี้กลับมาเล่าต่อที่บ้าน จนถูกนำไปผูกกับเรื่องของวิญญาณสาวปากฉีกกันอีกครั้ง


ส่วนที่มีบางแห่งได้อ้างถึงการพบตัวผีสาวปากฉีก ที่อุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงดินแดนกิมจิได้นั้น เป็นเพราะว่าในสมัยก่อนประเทศเกาหลีเคยเป็นประเทศอาณานิคมของญี่ปุ่น จึงได้มีเรื่องเล่าเดียวกันนี้เกิดขึ้น และเรื่องราวเดียวกันนี้ก็ได้ถูกพูดถึงกันในยุคปี ค.ศ. 2001 เพราะอินเตอร์เน็ตนั่นเอง


โดยภายหลังด้วยพลังอิมเมจิ้นของชาวญี่ปุ่น ก็ได้นำเรื่องราวของสาวปากฉีกจากข่าวต่าง ๆ ไม่ว่าจะถูกมีดกรีด ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำศัลยกรรมผิดพลาด นำมารวมมิตรกันเป็นเรื่องเล่าเรื่องใหม่ ซึ่งในบ้านเรายังไม่มีใครนำเรื่องนี้มาเล่ากัน



ส่วนความนิยมของผีสาวปากฉีกในยุคปัจจุบันนั้น มันก็เกิดมาจากการที่มีผู้แปลเรื่องราวของเธอ นำไปลงไว้ที่เวบไซต์วิกิครีบปี้พาสต้า ในช่วงประมาณกลางปี ค.ศ. 2008 นั่นเอง ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เป็นช่วงหลังจากที่ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกฉายละครทีวีซีรีย์และภาพยนต์เกี่ยวกับเธอถึงหลายเรื่องมาก นั่นก็คือ

คันโนะ เบียวโตะ นูเรตะ อาคาอิ คุจิบิรุ ในปี ค.ศ. 2005
คุจิซาเกะ อนนะ ภาค 1 ในปี ค.ศ. 2007
คาอิคิ โทชิ เดนเซ็ตสึ ตอน คุจิซาเกะ อนนะ ในปี ค.ศ. 2008

คุจิซาเกะ อนนะ ภาค 2 ในปี ค.ศ. 2008 เช่นเดียวกัน
คุจิซาเกะ อนนะ ภาค 0 หรือ บิกินริงกุ ในปี ค.ศ. 2008
คุจิซาเกะ อนนะ รีเทิร์น ในปี ค.ศ. 2012 ซึ่งเป็นปีที่เธอโด่งดังมาถึงประเทศไทยครั้งแรก


และเรื่องราวของเธอก็เคยถูกนำเสนอในซีรีย์เรื่องคอนสแตนติน ในตอนที่ 5 ชื่อ ดันเสะ โบอุโดว อีกด้วย ส่วนในการ์ตูนและภาพยนต์อนิเมะ ก็ได้นำเรื่องราวของเธอไปใช้อยู่หลายเรื่องเช่นกัน แม้แต่ในซีรีย์ของนักสืบจิ๋วโคนั้น ก็ยังได้เธอไปเป็นพล็อตเรื่องด้วย

และเรื่องราวของผีสาวปากฉีกก็ได้ถูกดัดแปลงไปอีกมากมาย โดยปรากฏอยู่ในหลาย ๆ เรื่อง  เช่นคุณครูมือปีศาจนูเบ, ฮานาโกะโตะกูอุวะโนะเทระ ตอนที่ 2, แฟรงเกนฟรานสาวน้อยหมอผีดิบ และอื่น ๆ อีกมากมาย

โดยมาถึงตรงนี้ มิติที่ 6 ก็อยากจะบอกกับท่านผู้ชมว่า เวลาที่มีใครนำเรื่องราวของผีสาวปากฉีกมาเล่ากันในวงสนทนา ก็จงอย่าได้ไปทำอะไรที่จะทำให้เรื่องเล่านี้ต้องหยุดเล่าไประหว่างทางจะดีกว่านะครับ เพราะว่าความจริงนั้น มันช่างไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย


อย่าลืมพบกับเรื่องราวเบา ๆ จากรายการมิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ ที่จะนำเรื่องราวน่ากลัวจากที่ต่าง ๆ มาเล่าให้ฟัง พร้อมกับค้นหาที่มาให้ท่านผู้ชมได้รับชมกันทุกวันศุกร์สะดวก หลังจากจบรายการแล้ว อย่าลืมกดสับสไครป์ กดไลค์ กดแชร์ หรือทิ้งคอมเมนท์กันไว้นะครับ ยังมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ สำหรับวันนี้ สวัสดี


แปลและเรียบเรียงโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
ที่มา
Creepypasta -  Kuchisake-onna MAY 18, 2008
Wiki English - Kuchisake-onna
Wiki Japan - 口裂け女

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประกาศ

เพื่อเป็นกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเรา ขอความร่วมมือจากผู้ที่นำเรื่องราวจากมิติที่ 6 ไปใช้ในที่ของท่าน กรุณาลงเครดิตกลับมาที่เราจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ