10 มิถุนายน 2559

มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ ไขปริศนาตุ๊กตาผีโอคิคุ

หากพูดถึงของเล่นของเด็ก สิ่งแรกที่เราจะคิดถึงนั้นก็คงจะไม่พ้นหุ่นยนต์หรือตุ๊กตา และถ้าพูดถึงของเล่นของเด็กผู้หญิง ก็คงต้องนึกถึงตุ๊กตาผู้หญิงน่ารัก ๆ ซึ่งแน่นอนว่าตุ๊กตาสำหรับเด็กผู้หญิงนั้น มันก็เป็นดังเพื่อนเล่นที่อยู่ใกล้ชิดกับพวกเธอมากกว่าใคร


มิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญ ในวันศุกร์สะดวกสัปดาห์นี้ เราจะขอพาท่านไปรู้จักกับตุ๊กตาโบราณตัวหนึ่ง ตุ๊กตาที่ได้รับการถ่ายทอดความรัก ความรู้สึก รวมไปถึงวิญญาณของเจ้าของ ที่ปัจจุบันมันยังคงแสดงให้เรารู้ว่า ยังมีวิญญาณของเด็กน้อยสิงสู่อยู่ในนั้น

 กดดูได้ที่นี่

ก่อนที่จะเล่าเรื่องให้ทุกท่านได้รับฟัง มิติที่ 6 ได้ค้นหาที่มาของเรื่องราวนี้อยู่หลายแห่ง และในแต่ละแห่งนั้น ก็มีรายละเอียดแตกต่างกันไป โดยมิติที่ 6 จะขอนำเรื่องเล่าที่คาดว่าน่าจะเป็นต้นฉบับที่ถูกแปลมาจากต้นฉบับจริง ๆ ให้ได้รับทราบกันก่อน

มีเรื่องราวลี้ลับเรื่องหนึ่ง มันเป็นเรื่องของตุ๊กตาที่มีวิญญาณของเด็กน้อยสิงสู่ โดยมันได้ถูกเล่าขานกันมานานหลายทศวรรษ นั่นก็คือตำนาน "ตุ๊กตาโอคิคุ" ซึ่งชื่อของมันได้ถูกตั้งขึ้นตามชื่อของเด็กหญิงเจ้าของตุ๊กตานั้นนั่นเอง ตุ๊กตาตัวนี้มีส่วนสูงประมาณ 40 เซ็นติเมตร (16 นิ้ว) สวมชุดกิโมโน มีนัยตาสีดำ และที่สำคัญบริเวณเส้นผมของมัน สามารถงอกยาวออกมาได้ราวกับเส้นผมของคนจริง ๆ

ตุ๊กตาโอคิคุนี้ ถูกตั้งอยู่ที่วัดมังเน็นยิ ในเมืองเล็ก ๆ ของอิวามิซาว่าจังหวัดฮ็อกไกโดมาตั้งแต่ ค.ศ. 1938 โดยมีข่าวลือว่า ตอนแรกที่ตุ๊กตาตัวนี้ได้ถูกนำมาที่วัดใหม่ ๆ นั้น เส้นผมของมันยังคงสั้นอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เส้นผมของตุ๊กตากลับยาวขึ้นมากว่า 25 เซ็นติเมตร (10 นิ้ว) โดยเส้นผมนั้นยาวลงมาจนถึงบริเวณเข่าของตุ๊กตาเลยทีเดียว และไม่ว่าทางวัดจะตัดผมของมันทิ้งไปกี่ครั้ง มันก็จะกลับยาวขึ้นมาใหม่เสมอ

โดยก่อนหน้าที่มันจะมาอยู่ที่วัดแห่งนี้ได้ เกิดจากในปี ค.ศ. 1918  เอย์คิจิ สุสึกิพี่ชายของโอคิคุได้แวะไปเที่ยวนิทรรศการเทโชที่เมืองซับโปโรของประเทศญี่ปุ่น เขาได้ซื้อตุ๊กตาตัวหนึ่งมาจากร้านทานุคิโคจิ ซึ่งเป็นร้านค้าที่เปิดขายของอยู่ข้างถนนที่มีชื่อเสียงอย่างมากของเมืองนั้น ซึ่งเอย์คิจิตั้งใจจะซื้อตุ๊กตาตัวนี้กลับไปเพื่อเป็นของที่ระลึกให้กับโอคิคุ น้องสาววัย 2 ขวบของเขา

แน่นอนว่าเด็กน้อยโอคิคุชอบตุ๊กตาตัวนี้มาก  เธอเล่นกับมันทุกวัน แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน โอคิคุก็ได้เสียชีวิตจากไปอย่างกระทันหันด้วยโรคไข้หวัด ทางบ้านจึงได้นำตุ๊กตาตัวนี้ไปวางประดับไว้ที่แท่นบูชาของครอบครัว และสวดมนต์ทุกวันเพื่อระลึกถึงเด็กน้อยโอคิคุที่จากไป

จนเมื่อเวลาผ่านไปคนในบ้านก็สังเกตพบว่า เส้นผมของตุ๊กตาตัวนี้มันได้ยาวขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งพวกเขาก็เข้าใจว่า วิญญาณของเด็กน้อยโอคิคุอาจจะสิงสู่อยู่ในตุ๊กตาตัวนี้ก็เป็นได้ เมื่อถึงปี ค.ศ. 1938  ครอบครัวซุซุกิก็ได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่เมืองซาฮาลิน (Sakhalin) และได้มอบตุ๊กตาตัวนี้ให้แก่วัดมังเนงยิเป็นผู้ดูแลนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครสามารถจะอธิบายได้ว่า ทำไมเส้นผมของตุ๊กตาตัวนี้ถึงยาวงอกออกมาได้แบบนั้น และได้มีการนำตุ๊กตาตัวนี้ไปตรวจสอบ ก็พบว่าแท้ที่จริงแล้วเส้นผมของมันนั้นทำมาจากเส้นผมคนจริง ๆ

หลังจากมิติที่ 6 ได้พยายามค้นหาเรื่องนี้จากหลายแหล่งก็พบว่า เรื่องราวของตุ๊กตาผีสิงโอคิคุนั้นได้ถูกเวบไซต์หลายแห่งนำไปเผยแพร่ โดยบางแห่งก็ได้แต่งเนื้อหาเพิ่มเติมเข้าไป บ้างก็ว่าเอย์คิจินั้นจริง ๆ ชื่อว่า "เฮียวคิจิ เรคิ" และเพิ่มเติมลักษณะของตุ๊กตาไปอีกว่า นอกจากเส้นผมของตุ๊กตาที่ยาวขึ้นแล้ว ปากของตุ๊กตาที่เคยหุบสนิทกลับเปลี่ยนเป็นเผยอยิ้มขึ้นมาได้ และชื่อของเด็กน้อยที่เสียชีวิตนั้นเธอชื่อว่า "คิคุโกะ" ไม่ใช่ "โอคิคุ" ซึ่งบางแห่งก็ยังแต่งเติมเรื่องของตุ๊กตาเพิ่มขึ้นมาอีกว่า นอกจากเส้นผมของตุ๊กตาจะยาวขึ้นแล้ว เล็บของมันก็ยาวขึ้นได้อีกด้วย

เรื่องจริงมันคืออะไรกันแน่ ? ตุ๊กตาตัวนี้แท้ที่จริงชื่อว่าอะไร ? วัดมังเน็งยิมีจริงหรือไม่ ? เส้นผมของมันยาวขึ้นจริงหรือเปล่า ? และที่สำคัญ ตุ๊กตาตัวนี้มีจริงหรือไม่ ?

มิติที่ 6 ได้พยายามค้นหาที่มาของเรื่องนี้จากเวบไซต์ภาษาญี่ปุ่นก็พบว่า เรื่องราวที่เราได้ยกมาให้รับชมนั้นน่าจะใกล้เคียงที่สุด เพียงแต่จะมีคลาดเคลื่อนไปบ้างก็คือ สถานที่ที่ตุ๊กตาตัวนี้ตั้งอยู่ในปัจจุบันที่วัดมังเน็งยิหรือวัดมังเน็งนั้น อยู่ในเมืองคุริซาว่า อำเภอโงจิ จังหวัดฮ็อคไกโด ส่วนชื่อของพี่ชายที่ซื้อตุ๊กตานั้น ตามต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นน่าจะชื่อ "เอย์คิจิ" และชื่อของเด็กน้อยที่เสียชีวิตก็คือ "คิคุโกะ"

วัดมังเน็งยิในปัจจุบัน

มาถึงตรงนี้ ก็ทำให้มิติที่ 6 อยากรู้เสียแล้วว่า แท้ที่จริงแล้ว ตุ๊กตาผีสิงโอคิคุหรือคิคุโกะนั้น เป็นเรื่องจริงมากน้อยแค่ไหน เพราะเบื้องต้นเรารู้กันแล้วว่าตุ๊กตาตัวนี้อยู่ที่วัดนี้จริง แล้วมันยังไงต่อกันแน่ ซึ่งมิติที่ 6 จะค่อย ๆ ค้นหาความจริงนี้ไปพร้อม ๆ กันกับท่านผู้ชมนะครับ

โดยสิ่งที่มิติที่ 6 ได้พบนั้น อยากจะบอกให้ทราบกันก่อนว่า ทางเราเองก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะค้นหาข้อมูล อาจมีข้อมูลบางอย่างผิดพลาดอยู่อีกมาก ก็ขอให้ท่านผู้ชมใช้วิจารณญาณในการรับชม โดยทุกท่านสามารถแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้เราได้ทางช่องความเห็นใต้คลิป เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกันครับ


โดยเรื่องเล่าต้นฉบับที่แท้จริงนั้นมาจากเรื่อง "โอ้ ! ฉันได้ยินเสียงผี"「あっ! 今の声は幽霊だった」 ในนิตยสารสำหรับผู้หญิงที่ชื่อว่า "ชูกังโจเซย์จิชิน" 『週刊女性自身』หรือ "ผู้หญิงรายสัปดาห์" โดยเรื่องนี้ได้ถูกตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 1962  ซึ่งผู้เขียนก็คือ "ยูทากะ มาบูจิ"『馬淵豊』

โดยจะขอยกบางส่วนของเรื่องราวมาดังนี้
ในปี ค.ศ. 1958  "สุเคชิจิ ซุซุกิ" อายุ 36 ปี ได้นำตุ๊กตาตัวนี้มาให้กับทางวัดมังเน็งยิ เนื่องจากเขาได้ฝันร้ายเห็นเจ้าตุ๊กตาของลูกสาวที่ตายไปแล้วตัวนี้ มายืนอยู่ข้างเตียง และส่งเสียงเรียกให้ได้ยินจนเขาทนไม่ไหว ถึงกับต้องวางแผนจะย้ายครอบครัวหนีไปที่เกะฮอนชู และตอนที่เขาได้นำมันมาให้กับทางเจ้าอาวาสวัดนั้น เขาได้บอกกับท่านว่า "โปรดนำวิญญาณของคิโยโกะออกมาจากตุ๊กตาให้ทีครับ"

ซึ่งหมายความว่า
1. ตุ๊กตาผีสิงตัวนี้ถูกหัวหน้าครอบครัวชื่อสุเคชิจิ ซุซุกิยกให้กับวันมังเน็งยิ เมื่อปี ค.ศ. 1958 ไม่ใช่ปี ค.ศ. 1938
2. ชื่อของเด็กที่เสียชีวิตนั้นคือ "คิโยโกะ" ไม่ใช่ "คิคุโกะ" หรือ "โอคิคุ"
3. สาเหตุที่ซุซุกินำตุ๊กตานี้มาให้วัดก็เพราะว่าเขาฝันร้ายถึงมัน
4. เจ้าอาวาสวัดคือผู้ที่พบว่าเส้นผมตุ๊กตานั้นยาวออกมา ไม่ใช่ครอบครัวซุซุกิ

ชื่อ "คิคุโกะ" มาจากไหน ?
แท้ที่จริงแล้วชื่อคิคุโกะที่น่าจะเป็นต้นฉบับของเรื่องเล่าในปัจจุบันนั้น มันก็ถูกยกมาจากนิตยสาร "ยังเลดี้" [ヤングレディ ] ฉบับที่ 15 ของญี่ปุ่น ที่ถูกวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1968  โดยรายละเอียดที่ถูกเพิ่มเติมขึ้นมานั้น ก็คือเรื่องเล่าที่มิติที่ 6 ได้เล่าให้ฟังในตอนต้นนั่นเอง ซึ่งนอกจากเนื้อหาที่เล่าแล้ว ยังมีรายละเอียดที่ถูกเพิ่มเข้าไปอีกอย่างหนึ่งก็คือ วันตัดผมตุ๊กตาคิคุโกะนั้น จะตรงกับวันที่ 24 มีนาคมของทุกปี ซึ่งผู้ที่เขียนเรื่องเพิ่มเติมใหม่นี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือ "ยูทากะ มาบูจิ" ผู้เขียนเรื่อง "ตุ๊กตาผีคิโยโกะ" นั่นเอง !!

มันกลายเป็นตำนานไปได้อย่างไร ?
มิติที่ 6 ก็ได้ทำการค้นหาต่อไปก็พบว่า เรื่องราวนี้ได้ถูกหนังสือพิมพ์ฮอกไกโดชิมบุน 『北海道新聞』 นำนิยายฉบับดัดแปลงใหม่ของ "ยูทากะ มาบูจิ" มาลงในตีพิมพ์ไว้ในคอลัมน์เรื่องผี ตอน "ตุ๊กตาผีโอคิคุ" หรือ "ไคดังโอคิคุนิงโย"「怪談『お菊人形』」ของหนังสือพิมพ์ฉบับวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1970 นั่นเอง ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้บนเวบไซต์ภาษาอังกฤษ นึกว่าตุ๊กตาตัวนี้ชื่อว่าโอคิคุก็เป็นได้ และต่อมาเมื่อมีเวบไซต์บางเวบในไทยนำเรื่องราวนี้มาแปล ก็เลยใช้ชื่อว่า "ตุ๊กตาโอคิคุ" นั่นเอง ซึ่งในไทยนั้น ก็ยังมีบางแห่งได้ทำการแปลเรื่องของตุ๊กตาผีคิคุโกะนี้ มาจากต้นฉบับล่าสุดด้วย จึงทำให้ข้อมูลที่ได้รับมาหลาย ๆ ทาง ค่อนข้างสับสนในเรื่องชื่อ วันเวลา และสถานที่

ทำไมเส้นผมของตุ๊กตาคิคุโกะ จึงสามารถงอกยาวออกมาได้ ?
สำหรับกรณีเส้นผมของตุ๊กตาที่งอกยาวออกมาได้นั้น ว่ากันว่าแท้ที่จริงแล้วตุ๊กตาคิคุโกะ มีผมยาวมาตั้งแต่วันที่เจ้าอาวาสวัดได้รับมันมาอยู่แล้ว และเส้นผมของตุ๊กตานั้น ก็ยาวขึ้นจริง ๆ แต่ไม่ได้ยาวออกมามากถึง 20 เซ็นติเมตร ตามที่เรื่องเล่านั้นกล่าวอ้าง เพราะเส้นผมของมันนั้น ยาวออกมาเพียงไม่ถึง 1 มิลลิเมตร แต่มันก็ยาวขึ้นมาทุกปีจริง ๆ

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เส้นผมของตุ๊กตายาวออกมาได้ทุกปีนั้น ก็เป็นเพราะว่าในขั้นตอนการทอเส้นผมของตุ๊กตาญี่ปุ่นนั้น จะมีกรรมวิธีที่เรียกว่า "Flocking Hair" ซึ่งจะใช้เส้นผมไม่ว่าจะเป็นเส้นผมจริง หรือเส้นผมปลอม ที่มีความยาวกว่าที่จะใช้จริง มาทอเข้าไปที่ส่วนหัว หรืออธิบายง่าย ๆ ก็คือ ถ้าจะทำเส้นผมตุ๊กตาให้ยาวซัก 10 เซ็นติเมตร ช่างทำตุ๊กตาจะต้องใช้ความยาวของเส้นผมประมาณ 25 เซ็นติเมตร หรือมากกว่านั้น มาทอเส้นผมเข้าไปในส่วนหนังศีรษะของตุ๊กตา ด้วยวิธีการพับครึ่งเส้นผมนั้น แล้วนำด้านที่พับ ทอเข้าไปในรูเส้นผมของตุ๊กตา นั่นก็หมายความว่าในรูเส้นผม 1 รู จะมีเส้นผม 1 เส้น ที่ถูกพับครึ่ง ทำให้ดูเหมือนมีเส้นผมออกมา 2 เส้น จากนั้นก็ยึดมันไว้ด้วยกาว โดยกรณีของคิคุโกะนั้น เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ตัวกาวที่เริ่มจะเสื่อมสภาพ ก็จะค่อย ๆ คลายตัวออก แล้วเส้นผมที่ถูกกาวยึดไว้มันก็จะค่อย ๆ ถูกแรงต้านทานภายในเส้นผมของมันเอง ดันตัวออกมาจากรูเส้นผมออกมาทีละนิด จนเหมือนเส้นผมของตุ๊กตายาวขึ้นมาได้นั่นเอง


มาถึงจุดนี้ ทำให้มิติที่ 6 กลับไปดูเรื่องราวตั้งแต่ต้นจึงขอสรุปได้ว่า ทุก ๆ ปัจจัยที่ทำให้ตุ๊กตาผีโอคิคุ หรือคิคุโกะ หรือคิโยโกะนี้ ได้กลายเป็นตำนานขึ้นมาได้นั้น มันเริ่มจากนักเขียนนิยายเรื่องน่ากลัวคนหนึ่ง ได้เขียนเรื่องน่ากลัวนี้ขึ้นมาผูกกับตุ๊กตาในวัดมังเน็งยิ จนวันหนึ่งก็มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่จังหวัดฮอคไกโดไปพบเรื่องนี้เข้า เห็นว่ามันน่าสนใจเพราะเป็นเรื่องท้องถิ่นของบ้านเมืองเขา จึงได้นำมาตีพิมพ์จนเรื่องราวถูกบอกเล่าไปเรื่อย ๆ กลายเป็นตำนานโด่งดังไปไกลทั่วโลก จนมาถึงทุกวันนี้


ซึ่งแน่นอนว่า มิติที่ 6 จัดทำเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับ หากมีรายละเอียดใด ๆ ผิดพลาด ท่านผู้ชมสามารถบอกเราได้ที่คอมเม้นต์ใต้คลิป เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ท่านผู้ชมอื่น ๆ กันต่อไปครับ และที่แน่ ๆ หากเราได้ยินเพื่อนของเรา หรือใคร ๆ ยกเอาเรื่องนี้มาเล่าในวงสนทนา มิติที่ 6 ก็อยากให้เราเงียบเอาไว้ อย่าได้ไปขัดจังหวะการเล่าเรื่องนี้จะดีกว่านะครับ เพราะว่า "ความจริงนั้น มันช่างไม่มีสเน่ห์เอาเสียเลย"


อย่าลืมติดตามชมมิติที่ 6 ศุกร์สยองขวัญทุกวันศุกร์สะดวก ที่จะพาท่านผู้ชมมาพบกับเรื่องราวน่ากลัว และความจริงไปกับพวกเรา ที่ช่องมิติที่ 6 กันทุกสัปดาห์ครับ สุดท้ายนี้อย่าลืมกดสับสไครป์ กดไลค์ กดแชร์ และทิ้งคอมเมนท์กันไว้นะครับ

แปลและเรียบเรียง นิวัฒน์ อ่ำแสง
ที่มา
http://pinktentacle.com/tag/urban-legend/
http://blog.livedoor.jp/koike_takehiko/
http://www.nazotoki.com/okiku.html
  • 小池壮彦「手押し車を押す看護婦、幽霊ボート、髪の伸びるお菊人形」『現代怪奇解体新書』(宝島社、1998年)
  • 馬淵豊「あっ! 今の声は幽霊だった」『週刊女性自身』(1962年8月6日号)
  • 「怪談『お菊人形』」『北海道新聞』(1970年8月15日付け、夕刊、第五面)
  • 秋口ぎぐる、高井信、山本弘『百鬼夜翔-水色の髪のチャイカ』(角川書店、2001年)
  • あすかあきお『ザ・超能力2』(小学館、1985年)


    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น

    ประกาศ

    เพื่อเป็นกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเรา ขอความร่วมมือจากผู้ที่นำเรื่องราวจากมิติที่ 6 ไปใช้ในที่ของท่าน กรุณาลงเครดิตกลับมาที่เราจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ