เวลาที่เรานั่งคิดพิจารณาถึงเหตุการณ์บางอย่างที่เคยผ่านมาในชีวิต เราเคยคิดกันบ้างไหมว่า ถ้าเราสามารถย้อนเวลากลับไปในอดีต หรือสามารถเดินทางไปยังโลกอนาคตได้จริง เราก็คงอยากจะทำอะไรบางอย่าง เพื่อเปลี่ยนแปลงอดีตหรืออนาคตนั้น ให้มันเป็นไปตามที่เราอยากให้มันเป็น เผื่อบางทีชีวิตเราตอนนี้ อาจจะไม่ต้องเผชิญอยู่กับปัจจุบันที่เลวร้ายเหล่านั้น
บุรุษปริศนาจากประเทศทอเรด (Taured)
ชายคนนี้ พูดภาษาฝรั่งเศษได้คล่องแคล่วก็จริง แต่เขาก็สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีมากอีกด้วย ซึ่งมันก็คงจะไม่มีอะไร ถ้าในหนังสือเดินทางของเขาไม่ได้ระบุว่า เขาเดินทางมาจากประเทศทอเรด
ซึ่งสาเหตุที่มันแปลกก็เพราะว่า ประเทศทอเรดนี้ เจ้าหน้าที่ของสนามบินไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อน ดังนั้น ชายคนดังกล่าวจึงต้องถูกเจ้าหน้าที่ ขอให้เขาช่วยชี้จุดที่ตั้งของประเทศนี้ให้ดูบนแผนที่โลก
เมื่อชายคนนี้ได้ชี้ไปที่ราชอาณาจักรแอนโดร่า ซึ่งเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างฝรั่งเศสและสเปน เขากลับแสดงอาการสับสน และบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ที่ตรงนี้ มันควรจะเป็นประเทศของเขา ที่ชื่อว่าประเทศทอเรด ที่มีอายุกว่าหนึ่งพันปีมาแล้ว แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นประเทศแอนโดร่าไปได้ และที่เขามายังประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ ก็เพราะเขาตั้งใจจะมาติดต่อธุรกิจ ที่ได้เริ่มเอาไว้เมื่อสองสามปีก่อน ซึ่งในหนังสือเดินทางของเขาก็ระบุว่า เขาเคยเดินทางมาที่ญี่ปุ่นจริง และยังเคยเดินทางไปหลาย ๆ ประเทศในแถบยุโรปอีกด้วย ซึ่งเงินที่เขามีอยู่ ก็เป็นเงินสกุลยุโรป และที่สำคัญ ใบขับขี่และสมุดประจำตัวของเขา ล้วนระบุว่า เขามาจากประเทศทอเรดจริง ๆ
ก่อนที่จะดำเนินการอะไรต่อไป ทางสนามบินฮาเนดะ จึงตัดสินใจควบคุมตัวชายคนนี้ไว้ชั่วคราวในโรงแรมใกล้ ๆ โดยจัดเจ้าหน้าที่สองคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องพักของเขา เพื่อรักษาความปลอดภัยจนกระทั่งรุ่งเช้า แต่เมื่อพวกเขาเปิดประตูเข้าไป เจ้าหน้าที่กลับพบว่า ชายคนนี้ได้หายตัวไปจากห้องเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่ห้องดังกล่าว นอกจากประตูหน้าห้องที่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่ ก็ไม่มีประตูทางออกทางอื่นเลย แถมในห้องนั้นก็ไม่มีระเบียงที่จะสามารถใช้หนีออกไปได้ และที่สำคัญ มันอยู่บนชั้น 15 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของสนามบิน ได้พยายามตามหาตัวชายคนนี้อย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย
เรื่องราวของชายลึกลับจากประเทศทอเรดนี้ ถูกเขียนลงบนอินเตอร์เน็ตครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 โดยนักเขียนนิยายเรื่องราวลึกลับสยองขวัญชาวอเมริกาชื่อว่า ซาเวียร์ ออเทก้า บนเวบไซต์โกสต์ธีออรี่.คอม โดยในโพสต์เรื่องราวเต็ม ๆ นั้น ซาเวียร์ได้สรุปเอาไว้ท้ายเรื่องว่า ชายคนดังกล่าว อาจเป็นสปายจากประเทศใดประเทศหนึ่ง ที่ถูกส่งให้เข้ามาทำภาระกิจลับในประเทศญี่ปุ่น และได้ถูกล้างสมองใส่ข้อมูลปลอม ๆ ที่เกี่ยวกับประเทศทอเรด เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ของทางการญี่ปุ่น เพื่อจะได้รักษาความลับอะไรบางอย่าง แต่อย่างไรก็ดี ซาเวียร์ได้ระบุเอาไว้ในโพสต์ดังกล่าวว่า เขาได้นำเรื่องราวนี้มาจากหนังสือชื่อ “The Directory of Possibilities” ของ Colin Wilson และ John Grant [Corgi Paperback, 1982. ISBN: 0-552-119946].
---------------------------
รูดอล์ฟ เฟนท์ ผู้ลึกลับ
เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1950 ผู้คนในไทม์สแควร์ ใจกลางกรุงนิวยอร์ค ต้องตกตะลึงกับเหตการณ์สะเทือนขวัญกับอุบัติเหตุ รถแท็กซี่ชนเข้ากับชายอายุราว 30 ปี คนหนึ่งจนเสียชีวิต ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการชันสูตรศพในที่เกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าในตัวศพของชายคนนี้มีสมบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดตัวเขามา ตั้งแต่เหรียญทองแดงสำหรับใช้แลกเบียร์ในบาร์ที่ไม่มีใครรู้จัก ใบเสร็จค่าดูแลและล้างรถม้าที่ออกโดยโรงรถม้าแถบเล็กซิงตันอเวนิวที่ไม่มีอยู่จริง ธนบัตรรุ่นเก่าจำนวน 70 เหรียญ นามบัตรชื่อรูดอล์ฟ เฟนท์ ระบุที่อยู่ในฟิฟท์อเวนิว จดหมายฉบับหนึ่งจากฟิลาเดเฟียระบุเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1876 และเหรียญรางวัลอันดับที่ 3 การวิ่งแข่ง 3 ขา นอกจากนี้ ก็ไม่มีอะไรที่จะบ่งบอกสถานะปัจจุบันของเขาได้เลย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจของนิวยอร์ค ได้พยายามที่จะระบุตัวตนของชายคนนี้ จากที่อยู่ในนามบัตร เขาก็กลับพบว่า สถานที่ดังกล่าวนั้นไม่มีอยู่จริง และถ้าเขาชื่อรูดอล์ฟ์ เฟนท์จริง ชื่อของเขาก็ไม่มีอยู่ในรายชื่อประชากรของท้องที่ แม้แต่ลายนิ้วมือของเขาก็ไม่เคยถูกระบุเอาไว้ ที่สำคัญ ไม่มีใครเคยแจ้งความว่ามีคนชื่อนี้หายไปอีกด้วย
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบย้อนหลังไป เขาก็พบว่า เคยมีคนชื่อรูดอล์ฟ เฟนท์ จูเนียร์ ในสมุดโทรศัพท์เก่าสมัยปี ค.ศ. 1939 เขาจึงได้เดินทางไปสอบถามกับผู้คน ที่น่าจะรู้จักกับชายคนนี้ จากสถานที่ที่ถูกระบุไว้ในสมุดโทรศัพท์เล่มนั้น ซึ่งชาวบ้านละแวกนั้นก็ระบุว่า รูดอล์ฟ เฟนท์ จูเนียร์ เคยทำงานอยู่แถวนี้จริง แต่ก็เกษียณออกไปอยูที่ไหนสักแห่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1940 แล้ว
เจ้าหน้าที่คนนั้นได้พยายามค้นหาต่อไป โดยเขาติดต่อไปยังธนาคาร เขาก็ได้พบว่า รูดอล์ฟ เฟนท์ จูเนียร์ เสียชีวิตไป 5 ปีแล้ว แต่ภรรยาของเขายังมีชีวิตอยู่ที่ฟลอริดา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการติดต่อไปยังภรรยาของเขาทันที
และเรื่องเหลือเชื่อก็ได้เริ่มขึ้น เมื่อภรรยาของ รูดอล์ฟ เฟนท์ จูเนียร์บอกว่า พ่อของสามีเธอนั้น คือรูดอล์ฟ เฟนท์ ที่หายตัวไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1876 ในช่วงที่เขาอายุ 29 ปี โดยหายตัวไประหว่างเดินทางออกจากบ้านในเย็นวันหนึ่ง
เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว จึงกลับมาตรวจสอบประวัติคนหายอีกครั้ง แล้วเขาก็ได้พบกับชื่อของรูดอล์ฟ เฟนท์ ที่ถูกแจ้งหายเอาไว้ในปี ค.ศ. 1876 จริง โดยคำอธิบายถึงรูปพรรณสัณฐาน ก่อนที่เขาจะหายตัวไป ก็พบว่าทุกอย่างนั้น ล้วนมีลักษณะตรงกับชายปริศนาที่ประสบอุบัติเหตุที่ไทม์สแควร์ทุกประการ
แต่ด้วยความพิศดารของรูปคดีนี้ จึงทำให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ไม่กล้าที่จะบันทึกมันไว้ในแฟ้มคดีของตำรวจ
โดยเรื่องราวของรูดอล์ฟ เฟนท์ ชายผู้ข้ามเวลาคนนี้ แท้ที่จริงแล้ว มันคือเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นมาเป็นเรื่องสั้นชื่อว่า “ไอม์ สแคร์” ที่ถูกตีพิมพ์ในนิตยาสารโคลเลียร์ โดยแจ็ค ฟินนีย์ ที่ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว
คริส ออเบค นักค้นคว้าเรื่องราวปริศนา |
---------------------
จอห์น ไตเตอร์ นักเดินทางข้ามเวลา
ต่อมายูสเซอร์คนดังกล่าว ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "จอห์น ไตเตอร์" โดยมีการสันนิษฐานว่า ชายคนนี้ใช้ชื่อจอห์นเพราะมันเป็นชื่อที่บ่งบอกว่าเป็นผู้ชาย ส่วนนามสกุลไตเตอร์ น่าจะแผลงมาจากคำว่า ไทม์ แทรเวลเลอร์ ที่แปลว่านักข้ามเวลานั่นเอง
ผู้คนมากมายในห้องแชทดังกล่าว ต่างก็ไม่เชื่อในสิ่งที่จอห์นเล่า และพยายามยิงคำถามเพื่อตรวจสอบหลาย ๆ อย่าง ๆ กับเขา แต่ทุกคนก็ล้วนประหลาดใจ ที่จอห์นสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ถูกต้อง แถมยังมีบางคำตอบ ที่สามารถตอกหน้าคนถามให้ได้อายกลับไปอีกด้วย
เพราะคำตอบบางคำตอบของจอห์นนั้น เขาได้อ้างถึงข้อมูลทางฟิสิกส์ระดับสูง ที่ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ซึ่งในภายหลังก็พบว่า สิ่งที่จอห์นพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด จอห์นได้เตือนถึงโรคระบาดวัวบ้า ซึ่งต่อมามันก็ได้เกิดขึ้นจริง
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2003 นั้น เอฟบีไอได้ทำการจับกุมนายแอนดรูว์ คาร์ซิน ในข้อหาแอบนำความลับภายในของบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ไปหาประโยชน์ทำกำไรในตลาดหลักทรัพย์จนตัวเองร่ำรวยกว่า 350 ล้านดอลล่าร์ ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ
แอนดรูว์ คาร์ซิน ผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นคนเดียวกับ จอห์น ไตเตอร์ |
แต่อยู่ดี ๆ นายแอนดรูวก็หายตัวไปอย่างลึกลับในระหว่างดำเนินคดี ซึ่งเหล่าเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ไปจนถึงตลาดหลักทรัพย์เจ้าทุกข์ในตอนนั้น ก็กลับปฏิเสธว่า แอนดรูว์ คาร์สซินนั้นไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
แล้วจู่ ๆ ในปี ค.ศ. 2006 นายแอนดรูว์ คาร์สซินก็กลับมาปรากฎตัวอีกครั้ง โดยบอกว่าตอนนี้เขาทำงานอยู่ในบริษัทปิโตรเลียมแห่งหนึ่งในแคนาดา โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาเคยถูกจับมาก่อน ซึ่งที่นี่ เขาบอกว่า เขาสามารถล่วงรู้แหล่งน้ำมันดิบ ได้จากการตรวจสอบข้อมูลประวัติศาสต์ในอนาคต แล้วย้อนเวลากลับมาบอกที่ตั้งของแหล่งน้ำมันเหล่านี้ให้แก่บริษัทดังกล่าว
ในปี ค.ศ. 2009 เครื่องเร่งอนุภาคในห้องทดลองนิวเคลียร์ของ CERN ได้เกิดความร้อนสูงในระหว่างปฎิบัติการทดลองหลุมดำ โดยภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายอีลอยด์ โคลได้ โดยเขาอ้างว่า เขาคือผู้สร้างความวุ่นวายดังกล่าวขึ้นมา เพื่อหยุดยั้งมหันตภัยจากอุบัติเหตุที่กำลังจะเกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดในปฏิบัติการครั้งนี้ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบเศษขนมปังหล่นอยู่ในระบบ ซึ่งทุกฝ่ายต่างก็คาดกันว่า มันน่าจะมาจากนกที่คาบเศษขนมปังบินผ่านมา แล้วทำมันร่วงลงมามากกว่า อีลอยด์ โคลถูกจับกุมตัวส่งเข้าสถานบำบัดทางจิตในเวลาต่อมา แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับ
และหลักฐานชิ้นสำคัญที่ระบุตัวของจอห์น ไตเตอร์ ว่าเขาคือนักข้ามเวลานั้น ก็อยู่ในภาพถ่ายภาพนี้…
ภาพชายใส่แว่นดำ ที่คาดกันว่าเป็นนักข้ามเวลา |
หลังจากที่ชายแต่งตัวทันสมัยเกินกว่ายุคของในภาพนั้น ได้ออกมาเฉลยแล้วว่า เขาเป็นชายในภาพจริง ๆ โดยสมัยนั้น เขาเพียงแค่แต่งตัวตามที่ตัวเองชอบ แต่ภาพของเขากลับถูกนำไปอ้างว่าเป็นนักท่องเวลาไปได้นั้น กลับมีผู้ออกมาชี้ให้เห็นว่า ในภาพนี้อาจจะมีจอห์น ไตเตอร์ อยู่ในภาพด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาน่าจะเป็นชายคนนี้
ซึ่งปัจจุบันได้มีผู้ทำเวบไซต์บอกเรื่องราวของจอห์น ไตเตอร์ไว้อย่างละเอียดที่ www.johntitor.com ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องของจอห์น ไตเตอร์นั้น เป็นเพียงเรื่องเล่าที่แต่งขึ้นมาสนุก ๆ ที่ผู้สร้างเรื่องนี้ ได้จับเอาข่าวนั้นข่าวนี้มาผูกเป็นเรื่อง โดยใช้ชื่อของจอห์น ไตเตอร์ มาเป็นตัวเดินเรื่องเพื่อความสนุกสนานเท่านั้นครับ เพราะถ้าเรื่องของจอห์นเป็นเรื่องจริง บุคคลที่ถูกอ้างว่าถูกจับได้ หรือถูกกล่าวถึงในข่าว ก็ควรจะมีการบันทึกในหนังสือพิมพ์อย่างละเอียดอยู่บ้าง แต่นี่กลับไม่มีเลย นอกจากข้อมูลที่ถูกพิมพ์ในเวบไซต์เรื่องราวของเขาเท่านั้นเอง และที่สำคัญเหตุการณ์ที่ถูกอ้างว่าเขาล่วงรู้อนาคตนั้น มันก็ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปหมดแล้วทั้งสิ้น โดยบนเวบไซต์ดังกล่าว ได้พูดถึงรายการวิทยุที่ชื่อว่า Coast to Coast AM ของโอลิเวอร์ วิลเลี่ยม และอ้างถึงชื่อ โอลิเวอร์ วิลเลี่ยม อยู่ทั่วทั้งหน้าเวบ มากกว่าจะพูดถึงชื่อของจอห์น ไตเตอร์เสียอีกครับ นั่นก็เป็นเพราะว่า เขาคือเจ้าของเวบไซต์ จอห์นไตเตอร์.คอม นั่นเอง
แล้วใครกันที่เป็นคนสร้างเรื่องนี้ขึ้น ?
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 นั้น ช่องยูทูปที่ใช้ชื่อว่า whereisjohntitor ซึ่งเป็นช่องตามล่าหาความจริงในเรื่องตัวตนของจอห์น ไตเตอร์มาตั้งแต่แรก โดยการนำของ จอห์น รามิเรซ ฮิวก์สตัน ได้อัพคลิปวิดีโอยืนยันตัวตนของจอห์น ไตเตอร์ ว่าแท้ที่จริงแล้ว ผู้ที่สร้างเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมานั้น คือชายที่ปรากฎชื่อเป็นฝ่ายกฎหมายของมูลนิธิจอห์นไตเตอร์ ชื่อว่าลาร์รี่ ฮาร์เบอร์นั่นเอง โดยในคลิปนั้นรามิเรซได้เดินทางไปสอบถามลาร์รี่ถึงที่บ้าน โดยที่นั่นลาร์รี่ ฮาร์เบอร์ได้ยอมรับว่าเขาคือผู้สร้างเรื่องจอห์น ไตเตอร์ขึ้นมา และอาศัยเรื่องราวนี้ทำเงินจำนวนมากให้กับเขามาจนถึงปัจจุบัน
"ลาร์รี่ ฮาร์เบอร์" ผู้สร้างเรื่อง "จอห์น ไตเตอร์" |
ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในต่างประเทศเช่นกัน เราอ่านแล้วก็ต้องพิจารณากันให้ถี่ถ้วนเองว่า ข้อมูลที่ถูกเล่ามานั้น มันถูกนำเสนอในแหล่งข่าวแนวไหน เพราะในที่สุดถึงแม้ว่าจะมีการวิเคราะห์ และเฉลยเรื่องราวออกมาภายหลัง มันก็มักจะไม่ได้ถูกนำมาเสนอให้เราได้รับรู้กันอย่างครบถ้วนสักเท่าไหร่ เพราะว่าความจริงนั้น มันช่างไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย
แปลและเรียบเรียงโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
ที่มา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น