มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่คนสองคนจะได้มาพบกันเพื่ออยู่ด้วยกัน และเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วก็จงให้ความรักและถนอมมันเอาไว้ให้นานที่สุด เพราะไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องจากไปตลอดกาลในวันไหน ?
![]() |
กดเพื่อดูคลิปที่นี่ |
มิติที่ 6 สัปดาห์นี้ เราจะพาคุณไปยังรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อไปรู้จักกับชีวิตของหญิงชายคู่หนึ่ง ที่ความรักของเขาทั้งสองคือการร่วมมือร่วมใจกันก่อเหตุฆาตกรรมอย่างป่าเถื่อน เพียงเพื่อสนองความต้องการด้านมืดที่ทั้งสองมองว่ามันคือความรัก ว่าสุดท้ายพวกเขาจะสามารถถนอมสิ่งนี้เอาไว้ได้นานที่สุดแค่ไหน !!!
![]() |
"ชาร์ลีน และเจอร์ราลด์ กัลเลโก้" คู่รักวิปริต |
ชาร์ลีน อเดลล์ กัลเลโก้ หรือชื่อเดิมคือ ชาร์ลีน อเดลล์ วิลเลียมส์ เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1956 ในแถบใกล้ ๆ เมืองซาคราเมนโตรัฐแคลิฟอร์เนีย พ่อของเธอชื่อชารลส์เคยมีตำแหน่งเป็นถึงท่านประธานในธุรกิจการค้าแบบลูกโซ่ แม่ของเธอชื่อเมอร์ซีเดสที่มักจะชวนสามีไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ จนถูกมองว่าบางทีงานหลักของทั้งคู่น่าจะเป็นการท่องเที่ยวมากกว่าทำงาน ซึ่งจริง ๆ แล้วการท่องเที่ยวนั้นมันเป็นแค่ผลพวงจากการไปติดต่อธุรกิจเพียงเท่านั้น
![]() |
"ชาร์ลีน อเดลล์ กัลเลโก้" |
ในวัยเรียนของชาร์ลีนมีรายงานบันทึกเอาไว้ว่า เธอเป็นเด็กไม่ค่อยพูด ขี้อาย และขยันช่วยงานโรงเรียนเป็นอย่างดี แต่ในเวลาต่อมาเมอร์ซีเดสแม่ของเธอได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีผลทำให้ชาร์ลีนต้องมาทำหน้าที่แทนคุณแม่ในการตระเวณท่องเที่ยวไปพบปะลูกค้ากับพ่อ ซึ่งเธอก็ทำหน้าที่แทนได้เป็นอย่างดี โดยใคร ๆ ก็ออกปากชมเธอว่าชาร์ลีนนั้นเป็นเด็กฉลาดพูดจามีเหตุผล โดยเรื่องนี้มีสิ่งยืนยันเป็นผลการวัดไอคิวของเธอที่สูงถึง 160 เลยทีเดียว
แต่แล้วชีวิตวัยเด็กของเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ช่วงเรียนไฮสกูลเธอก็เริ่มติดยาและติดสุราอย่างหนัก และได้สามีเป็นพวกสายมืดแถมยังชอบมีอะไรกับใครไปทั่ว แต่พ่อแม่ของเธอกลับไม่ได้สนใจพฤติกรรมแย่ ๆ ของเธอสักเท่าไหร่
ต่อมาชาร์ลีนก็ได้แต่งงานกับเศรษฐี ซึ่งจริง ๆ ต้องบอกว่าเธอได้แต่งกับพ่อค้าเฮโรอีนถึงจะถูก ตอนนี้เธอติดโคเคนอย่างหนักจนเริ่มไม่สนใจตัวเอง ส่วนสามีคนแรกของเธอก็เข้ากับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงไม่ค่อยได้ เพราะพวกท่านแสดงทีท่าชัดเจนว่าไม่อยากได้ราชาโคเคนเป็นลูกเขย นั่นจึงทำให้ชีวิตแต่งงานของชาร์ลีนต้องจบลง
แล้วเธอก็ได้แต่งงานใหม่กับทหารนายหนึ่ง ซึ่งเธอให้นิยามสามีคนนี้ว่าเป็นมัมมี่บอยเพราะเขาดูน่าเบื่อ และนั่นก็ทำให้ชาร์ลีนขอหย่ากับเขาทั้ง ๆ ที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน
แล้วเธอก็มีรักใหม่กับชายมีครอบครัวแล้วคนหนึ่ง แต่เขาก็ต้องเป็นฝ่ายขอจากไปเพราะชาร์ลีนคิดพิเรนทร์อะไรก็ไม่รู้ ขอให้พาแฟนตัวจริงมาร่วมสวิงกิ้งแบบสมานฉันท์ พอความต้องการไม่เป็นไปตามที่หวังเธอก็เสียใจจนคิดอยากจะฆ่าตัวตาย แต่เธอก็ตกอยู่ในความเศร้าได้ไม่นานเพราะต่อมาก็ได้พบกับชายคนนี้ ชายที่มีสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด... เจอราลด์ กัลเลโก้ !!!
![]() |
"เจอราลด์ กัลเลโก้" (ภาพจาก: Chronicle/Michael Maloney) |
เจอราลด์ อาร์มอนด์ กัลเลโก้ เกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1946 ในวัยเด็กของเขานั้นมีแต่ความหดหู่ แม่ของเขามีสามีใหม่ซึ่งมักจะร่วมมือกันรุมทุบตีและปล่อยให้เขาอดโซจนร่างกายผ่ายผอม ซึ่งสาเหตุที่ทำให้พ่อแม่ของเขาต้องแยกทางกันนั้นมันก็เพราะว่าพ่อแท้ ๆ ของเขาถูกจับกุมตัวในข้อหาฆ่าตำรวจตายไป 2 นาย
![]() |
พ่อของเจอราลด์ ถูกตำรวจจับกุมตัวตั้งแต่เขายังเด็ก |
ต่อมามันก็เลยทำให้ชีวิตของเจอราลด์ดำเนินไปได้ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะเคยล้มเหลวในเรื่องความรัก เขาก็ยังเคยเป็นสามีที่ใช้ไม่ได้อีกด้วย เพราะช่วงที่เขาอายุได้ 32 ปี เจอราลด์ที่กำลังหล่อเลือกได้ก็เที่ยวหักอกผู้หญิงไปทั่ว แถมพอทำเขาท้องแล้วก็ทิ้งจนมีลูกสาวที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมาคนหนึ่ง
จนกระทั่งเจอราลด์มาพบกับชาร์ลีน ทั้งสองก็ตกหลุมรักกันอย่างแรงเพราะรสนิยมทางเพศที่คล้ายกัน ชาร์ลีนชอบผู้ชายรสนิยมดิบเถื่อน เธอบอกว่ายอมทุกอย่างที่เขาต้องการได้เสมอ หลังจากที่ทั้งคู่คบกันได้เพียงอาทิตย์เดียวก็ตัดสินใจมาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เพื่อจะได้มีอะไรกันตามประสาคนชอบทีละสาม !
ผ่านไปได้เพียงวันเดียวเจอราลด์กลับมาจากทำงานก็พาคนที่สามมาด้วย พอทั้งสามกำลังกึ๊บ ๆ กันอยู่ดี ๆ เจอราลด์ก็ไม่รู้โกรธอะไรขึ้นมา โยนหญิงคนที่สามออกไปทางหน้าต่างแล้วหันมาทุบตีชาร์ลีน และไม่ยอมมีอะไรกับเธออีกเป็นเดือนราวกับว่าตอนนี้เขาเบื่อชาร์ลีนแล้ว และปฏิบัติกับเธอราวกับไม่มีตัวตนอยู่ในบ้าน ซึ่งในภายหลังชาร์ลีนถึงได้รู้ว่าสามีสุดที่รักของเธอนั้นต้องการกิจกรรมอะไรที่มันแปลกใหม่และดูเร้าใจเกินกว่าที่คนทั่วไปจะคิดได้นั่นเอง
เพียงแต่กิจกรรมที่ว่านั้นมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์อย่างเราควรนำไปปฏิบัติ เพราะมันเป็นการใช้ชีวิตแบบสัตว์นรก ไม่ใช่ชีวิตของของมนุษย์ดี ๆ เลยแม้แต่น้อย
![]() |
"เจอราลด์" กับชุดแนวอีโรติค |
ต่อมาเจอราลด์ก็ได้ทำสิ่งเลวร้ายกับลูกสาววัย 14 ปี และเพื่อนของเธอ ซึ่งในรายงานยังไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่ออกอุบายให้จับเด็กทั้งสองมาทำเป็นทาสบำเรอกาม ซึ่งมีเพียงแหล่งข่าวที่ไม่สามารถเปิดเผยได้บอกว่าคนที่ออกไอเดียก็คือชาร์ลีนนั่นเอง
ชีวิตรักอันดิบเถื่อนของทั้งคู่นั้นเริ่มกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง เมื่อทั้งคู่ได้ร่วมมือกันก่อเหตุในวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1978 วันนั้นรอนด้า เชฟเฟลอร์ อายุ 17 ปี และคิปปี้ วอฟท์ อายุ 16 ปี กำลังเดินช็อปปิ้งอยู่ในศูนย์การค้าในซาคราเมนโตอยู่ดี ๆ ทั้งสองก็ถูกชาร์ลีนล่อลวงพาขึ้นรถแวนไป
"รอนด้า เชฟเฟลอร์ และคิปปี้ วอฟท์" เหยื่อสองรายแรก
เจอราลด์และชาร์ลีนจับทั้งสองมารุมโทรมข่มขืนจนข้ามวันข้ามคืนภายในบ้านที่เฟลเซอร์เคาน์ตี้ โดยหลักฐานที่พบบนตัวเหยื่อรายหนึ่งนั้นก็คือ รอยฟันของชาร์ลีนที่กัดทิ้งไว้บนหน้าอกของเหยื่อ ร่วมกันกับรอยฟันของเจอราลด์ด้วย
โดยวันต่อมาเจอราลด์ก็ขับรถกลับไปยังซาคราเมนโต แล้วฉุดเหยื่อทั้งสองลงไปในทุ่งจนถึงคูน้ำ จากนั้นก็ใช้ประแจตีเข้าไปที่ศีรษะของเหยื่อ ตามด้วยใช้ปืน .25 ยิงซ้ำแล้วก็เดินกลับมาที่รถแวน แต่พอเจอราลด์หันกลับไปเห็นเหยื่อคนหนึ่งยังขยับตัว เขาก็กลับไปยิงซ้ำที่ศีรษะอีกสามนัดจนแน่ใจ โดยภายหลังชาร์ลีนบอกว่าตอนนั้นเธอรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เขาและเธอได้ร่วมมือกัน
ต่อมาในวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1979 เบรนด้า จูดด์ อายุ 14 ปี และแซนดรา คอลลี่ อายุ 13 ปี ก็ถูกล่อลวงขึ้นรถแวนของสองผัวเมียมาจากวาชูเคาน์ตี้ในรัฐเนวาดา ขับไปทางตะวันออกเฉียงเหนือออกจากรีโน่ผ่านถนนอินเดอร์สเตท 80 และที่หลังรถแวนนั้นเจอราลด์กำลังข่มขืนเด็กสาวทั้งสองโดยให้ชาร์ลีนดูผ่านกระจกส่องหลัง
"เบรนด้า จูดด์ และแซนดรา คอลลี่" เหยื่ออีกสองราย
ชาร์ลีนจอดรถพักในแถบทะเลสาปฮัมโบลด์ซิงค์ เจอราลด์ก็หยิบพลั่วขึ้นมาแล้วลากซานดราออกจากรถ พาเดินไปตามร่องน้ำเก่าโดยให้แซนดราเป็นผู้เดินนำ จนถึงจุดหนึ่งเขาก็ใช้พลั่วตีเข้าที่ศีรษะของเธอ ซึ่งชาร์ลีนเล่าว่าเธอยังจำเสียงที่ได้ยินในตอนนั้นได้ มันดังเหมือนกับก้อนหินตกลงไปในโคลน และเห็นซานดราล้มคว่ำลงไปที่พื้น จากนั้นเจอราลด์ก็จับเบรนด้าออกมาฆ่าทิ้งด้วยวิธีเดียวกัน แล้วจัดการขุดหลุมฝังร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองจนเรียบร้อย ตามด้วยการนำก้อนหินมาวางไว้เป็นเครื่องหมายว่าฝังไว้ตรงนี้
แต่ที่น่าสลดใจไปกว่านั้นก็คือ ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและญาติของเหยื่อกลับมองว่าการหายตัวไปของเด็กทั้งสองนั้นก็คือการหนีออกจากบ้าน จนกระทั้ง 4 ปีต่อมา ชาร์ลีนจึงได้รับสารภาพว่าเธอและสามีเป็นผู้ลงมือฆาตกรรมในปี ค.ศ. 1982 และศพของทั้งคู่ก็ถูกพบในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1999 โดยการขุดหาจากรถแทร็คเตอร์ของเจ้าหน้าที่
ต่อมาในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1980 ทั้งสองก็ได้ลักพาตัวสเตซี่ เรดิแคน และคาเรน ชิพแมน ทวิกซ์ มาจากห้างซันไรซ์มอลล์ในซิทรัสเคาน์ตี้รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเหยื่อทั้งสองนี้ถูกทั้งเจอราลด์และชาร์ลีนข่มขืนก่อนที่ีฆ่าจะทิ้งอย่างทารุณเช่นกัน
![]() |
"สเตซี่ เรดิแคน และคาเรน ชิพแมน ทวิกซ์" |
มีอยู่รายหนึ่งชื่อลินดา อากีล่า ซึ่งชาร์ลีนสารภาพว่าเหยื่อรายนี้ถูกฝังทั้งเป็นหลังการข่มขืนจบลง
![]() |
"ลินดา อากีล่า" เหยื่ออีกราย |
ต่อมาในวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1980 ทั้งคู่ก็ลักพาตัวเวอร์จิเนีย มอเคิล มาจากที่จอดรถของร้านเหล้าแห่งหนึ่งแถวเวสต์ซาคราเมนโต โดยเวอร์จิเนียเป็นพนักงานอยู่ในบาร์ของที่นี่ ตามรายงานแจ้งว่าศีรษะของเธอถูกแยกออกจากร่าง มีสายเอ็นตกปลาพันอยู่โดยรอบ ถูกพบบริเวณนอกเมืองคลากซ์เบิร์กเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมปีเดียวกัน โดยหลักฐานอื่น ๆ ที่พบนั้นก็คือร่องรอยสายไฟพันอยู่รอบลำคอที่บ่งบอกว่าเหยื่อรายนี้เสียชีวิตเพราะถูกรัดคอก่อนที่จะถูกแยกส่วน
และในตอนสายของวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1980 เจอราลด์พบกับคู่รักวัยรุ่นสองคนที่บริเวณจอดรถของห้างอาร์เดนแฟร์ ฝ่ายชายคือเครก มิลเลอร์ อายุ 22 ปี ส่วนฝ่ายหญิงคือแมรี่ เอลิซาเบธ โซเวอร์ อายุ 21 ปี ตอนนั้นเจอราลด์ออกมาจากรถเดินเข้าไปหาทั้งคู่ แล้วหยิบปืนพกแบเรตต้า .25 จ่อไปที่ใบหน้าของทั้งสองเพื่อบังคับให้เข้าไปในรถ ซึ่งเหตุการณ์ก็นี้มีพยานคนหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเครกเห็นเข้าและได้รีบจดหมายเลขทะเบียนรถแวนคันก่อเหตุเอาไว้
![]() |
"เครก มิลเลอร์ และแมรี่ เอลิซาเบธ โซเวอร์" |
หลังจากเจอราลด์ขับรถวิ่งไปถึงที่เปลี่ยว เขาก็สั่งให้เครกลงมาแล้วไปยืนที่หน้ารถ โดยสั่งให้เครกหันหน้ามองไปทางแมรี่ที่ยังอยู่ข้างใน และทันใดนั้นเจอราลด์ก็ใช้ปืนยิงไปที่ศีรษะของเครกจากทางด้านหลังต่อหน้าแฟนสาว ปล่อยร่างเครกนอนกองกับพื้นแล้วเดินกลับเข้ามาในรถสั่งให้ชาร์ลีนขับรถกลับไปยังอพาร์ทเมนท์
พอกลับมาถึงอพาร์ทเมนท์ ชาร์ลีนก็ไปนั่งดูทีวีฆ่าเวลาส่วนเจอราลด์ก็จับแมรี่ข่มขืนที่เตียงเป็นชั่วโมง จากนั้นก็สั่งให้ชาร์ลีนขับรถพาเขาและเหยื่อออกไปนอกเมือง พอถึงที่เจอราลด์ก็สั่งให้แมรี่ออกจากรถแล้วยิงไปที่ร่างของเธอถึง 3 นัดจนเสียชีวิต แล้วก็ขับรถกลับมาที่บ้านเหมือนกับไม่มีอะไรขึ้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับรายงานการลักพาตัวเครก มิลเลอร์ และแมรี่ เอลิซาเบธ จากเหล่าเพื่อน ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ จนในที่สุดก็สามารถตามหาที่มาของรถแวนคันดังกล่าวเจอ โดยอาศัยหมายเลขทะเบียนที่ได้มาจากพยาน ซึ่งผลก็ออกมาว่าแท้ที่จริงแล้วรถแวนคันนี้เป็นของพ่อและแม่ของชาร์ลีน
เช้าวันต่อมาชาร์ลีนกับเจอราลด์ก็ขับรถไทรอัมพ์สีแดงมาเยี่ยมพ่อแม่พอดี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กะว่าจะมาสอบสวนพ่อและแม่ของเธอก็มาถึงพอดีเช่นกัน เจอราลด์เห็นผิดสังเกตุจึงแอบหลบหายไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาถึงตัว ปล่อยให้ชาร์ลีนต้องรับมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาสอบสวนเพียงลำพัง
![]() |
รถไทรอัมพ์สีแดง และรถแวนคันก่อเหตุ |
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามว่าเมื่อคืนชาร์ลีนอยู่ที่ไหน แล้วก็สังเกตเห็นว่าชาร์ลีนนั้นขับรถไทรอัมพ์สีแดงมา ซึ่งชาร์ลีนก็ฉลาดพอที่จะบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อคืนเธอกับสามีขับรถคันแดงนี้ออกไปดูหนังรอบดึกแล้วพากันไปเมาต่อที่บาร์ กลับมาก็จอดรถคันนี้ไว้หน้าบ้าน ส่วนรถแวนอีกคันนั้นเธอไม่รู้เหมือนกันว่ายังไง
ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ปักใจเชื่ออะไร แต่ตอนนี้พวกเขายังทำอะไรไม่ได้จึงยอมปล่อยให้เธอกลับบ้านไปก่อน โดยไม่ได้รู้เลยว่าเจอราลด์แอบชิ่งหนีกลับมารออยู่ที่บ้าน และมองออกว่าเหยื่อที่พวกเขาจัดการไปเมื่อวานน่าจะกำลังพาปัญหาใหญ่มาให้ คิดได้แบบนั้นเจอราลด์จึงรีบพาชาร์ลีนหนีออกไปนอกเมืองทันที ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ทั้งคู่ยังไม่รู้ก็คือตอนนี้ชาร์ลีนกำลังตั้งท้องอยู่
กลับมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเขายังสงสัยพฤติกรรมของสามีภรรยาคู่นี้อยู่ ก็พยายามนำแฟ้มภาพผู้ต้องสงสัยที่ได้จากการตรวจสอบทะเบียนประวัติบุคคลที่มีใบขับขี่ผูกกับรถแวนคันนี้รวมอยู่ด้วย โดยพยานก็ได้ชี้มาที่ภาพของชายคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับเจอราลด์เป็นอย่างมาก แต่ชายคนนี้กลับมีชื่อว่าสตีเฟน เฟล
พอเจ้าหน้าที่ตำรวจนำภาพนี้ไปให้ชาร์ลส์ วิลเลี่ยม ซึ่งเป็นเจ้าของรถตัวจริงและเป็นพ่อของชาร์ลีนดู เขาก็บอกว่าหมอนี่มันชื่อเจอราลด์ไม่ใช่สตีเฟน ในขณะที่เจ้าหน้าที่อีกด้านก็พบศพของเครก มิลเลอร์ที่นอนตายอยู่ข้างถนน ได้เก็บหลักฐานเป็นหัวกระสุนปืนของคนร้ายมาพอดี
พอเจ้าหน้าที่ลองตรวจสอบประวัติของเจอราลด์ก็พบว่าเขาเคยก่อเหตุยิงปืนที่บาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งหัวกระสุนในที่เกิดเหตุนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ยังคงเก็บเอาไว้ พวกเขาจึงนำมันมาเทียบกับหัวกระสุนจากศพของเหยื่อ แล้วก็พบว่ามันเป็นกระสุนชนิดเดียวกันที่ออกมาจากกระบอกเดียวกันอย่างแน่นอน นั่นจึงทำให้การวางแผนติดตามตัวคนร้ายได้เริ่มต้นขึ้น
โดยครั้งแรกนั้นชาร์ลีนโทรศัพท์หาพ่อแม่ตามคำสั่งของเจอราลด์เพื่อขอให้พวกท่านช่วยโอนเงินมาให้ ส่วนครั้งที่สองก็โทรศัพท์มาจากเมืองโอมาฮาในเนบราสกา จนสองสัปดาห์ต่อมาตำรวจนักสืบก็ได้ไปดักรอทั้งสองอยู่บริเวณธนาคารเวสเทิร์นยูเนียนตามที่ได้นัดแนะกับพ่อแม่ของชาร์ลีนที่ให้ทั้งคู่มาเบิกเงินที่นี่ และในที่สุดสองผัวเมียกัลเลโก้ก็จนมุมเจ้าหน้าที่ตำรวจไปอย่างง่ายดายในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1980 นั่นเอง
แต่หลังจากถูกจับตัวสอบสวนอยู่นาน ทั้งคู่ก็ไม่ยอมรับสารภาพอะไรออกมาแม้แต่น้อย ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานพยานมัดตัวแน่นหนา จนชาร์ลีนคลอดลูกชายออกมาและถูกแยกตัวไปให้พ่อแม่ของเธอเลี้ยง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามเกลี้ยกล่อมเธอให้รับสารภาพอีกหลายครั้ง โดยบอกว่าถ้าเธอได้ให้การเป็นประโยชน์ เธอก็มีสิทธิ์ถูกกันตัวไปเป็นพยาน และอาจได้รับอิสระภาพออกมาทันเห็นลูกชายโต โดยกว่าที่ชาร์ลีนจะยอมแพ้และเปิดปากรับสารภาพทุกอย่างในปี ค.ศ. 1982 กินเวลาไปถึง 18 เดือน
![]() |
ชาร์ลีนขึ้นศาลขณะตั้งครรภ์ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา |
โดยในปี ค.ศ. 1983 เจอราลด์ขึ้นศาลพิพากษาในคดีฆาตกรรมเครกมิลเลอร์ และแมรี่ เอลิซาเบธที่ก่อไว้ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยได้ชาร์ลีนมาเป็นพยานในการร่วมปรักปรำตามที่ได้ต่อรองกับอัยการเอาไว้ จนมีช่วงหนึ่งเจอราลด์ทนไม่ไหวเปิดปากบอกกับศาลในช่วงการสอบสวนแยกว่า จริง ๆ แล้วชาร์ลีนมีรสนิยมแบบเลสเบียน และมักจะมีส่วนร่วมกับการข่มขืนเหยื่ออยู่เสมอ ศาลควรจะรู้ไว้ด้วยว่าเธอมันเป็นพวกคนไร้หัวใจ พอมาถึงการสอบปากคำในศาลวันสุดท้าย เจอราลด์ก็อาศัยช่วงจังหวะตะโกนถามเมียรักว่า
"นี่คุณนายชาร์ลีน ตกลงเธอจะโยนบาปทั้งหมดมาให้ฉันรับ แล้วเอาตัวเองรอดไปคนเดียวใช่ไหม !?"
ซึ่งชาร์ลีนก็รีบตวาดกลับใส่สามีสุดที่รักของเธอไปว่า
"ฉันเปล่านะ !"
สุดท้ายเธอไม่ถูกพิจารณาคดีในแคลิฟอร์เนีย แต่เจอราลด์ได้รับโทษประหารชีวิตเต็มอัตรา
ต่อมาการพิจารณาในศาลของรัฐเนวาดาก็ได้เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1984 ชาร์ลีนพยายามให้ความช่วยเหลือทางศาลเต็มที่ โดยการพาไปเก็บหลักฐานในรถไทรอัมพ์ เป็นเชือกชนิดเดียวกันกับร่องรอยที่พบบนคอของเหยื่อ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีผลทำให้ชาร์ลีนได้รับโทษจำคุกเพียง 16 ปี 8 เดือน ส่วนเจอราลด์ถูกพิจารณาโทษประหารชีวิตในวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1984 จากคดีฆาตกรรมสเตซี่ เรดิแคน, คาเรน ทวิกซ์ , เบรนด้า จูดด์ และแซนดรา คอลลี่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฆาตกรไม่กี่คนที่รับโทษประหารชีวิตซ้อนกันถึง 2 รัฐ
พอมาถึงช่วงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1997 ชาร์ลีนก็ได้รับอิสระภาพหลังจากครบกำหนดโทษ ปล่อยให้สามีติดคุกรอวันตายไปตามลำพัง
โดยต่อมาในปี ค.ศ. 1999 เจอราลด์ได้ยื่นขออุทธรณ์และได้รับสิทธิ์ในการพิจารณาคดีอีกครั้ง เพียงแต่ผู้พิพากษาคนใหม่ก็ยังคงยืนโทษประหารให้กับเขาอยู่ดี แต่ยังไม่ทันที่เจอราลด์จะได้ขอยื่นฎีกาเขาก็ป่วยเป็นมะเร็งในลำไส้ใหญ่และเสียชีวิตไปในวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 ภายในศูนย์ดูแลผู้ป่วยของคุกรัฐเนวาดา
![]() |
ภาพสุดท้ายในคุกก่อนเจอราล์ดจะเสียชีวิต |
ส่วนชาร์ลีนที่ออกจากคุก เธอก็มารับลูกชายที่บ้านของแม่และจากไปโดยไม่บอกว่าจะไปอยู่ที่ไหน ซึ่งแม่ของเธอเข้าใจว่าชาร์ลีนน่าจะออกไปจากแคลิฟอร์เนียแล้ว แต่ในเวลาต่อมาก็มีรายงานว่าจริง ๆ แล้วเธอย้ายไปอาศัยที่ย่านแฟร์โอคส์ในซาคราเมนโตรัฐแคลิฟอร์เนีย และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "แมรี่ มาร์ติเนซ" โดยหันไปทำงานอยู่ในองค์กรการกุศลแห่งหนึ่งหลังจากที่ลูกชายกับสามีของเธอเสียชีวิตไป ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็คาดกันว่าเธอน่าจะยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองโรสวิลล์รัฐแคลิฟอร์เนีย
ซึ่งเรื่องราวของฆาตกรคู่นี้ มิติที่ 6 อยากจะให้มองไปถึงการรู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ปล่อยให้ความต้องการอันป่าเถื่อนเข้าครอบงำจนหลงไปก่อเหตุกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายก็ไม่สามารถหนีพ้นกรรมที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้ และอีกด้านก็คือการระมัดระวังตัวให้ดี ไม่เดินไปไหนมาไหนในสถานที่เปลี่ยว เพราะแม้เราจะไม่ได้มาเพียงคนเดียว มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนร้ายจะไม่กล้าลงมือกับพวกเรา
เพราะบนโลกใบนี้ยังมีคนน่ากลัวที่มีรสนิยมแปลก ๆ อยู่อีกมากมาย เราก็จงระมัดระวังตัวกันเอาไว้เพราะถ้าเราไม่รู้จักระวังตัวกันให้ดี สักวันก็อาจจะได้เจอแบบคู่รักคู่นี้... "ชาร์ลีน และเจอราลด์ กัลเลโก้"
อย่าลืมกดสับสไครป์ กดไลก์ กดแชร์ หรือทิ้งคอมเมนต์กันไว้ด้วยนะครับ ยังมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ สำหรับวันนี้... สวัสดี
เรียบเรียงและบรรยายโดย นิวัฒน์ อ่ำแสง
ขอบคุณที่มา:
Wikipedia - Gerald and Charlene Gallego
Murderpedia - Gerald Armond GALLEGO
แท็ก: Gerald, Charlene, Gallego, ชาร์ลีน, เจอราลด์, กัลเลโก้, Couple, Murder, ฆาตกร, คู่รัก, วิปริต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น